‘Apple’ บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2020 (ก.ค. – ก.ย.) โดยมีรายได้ 6.47 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 1% เท่านั้น โดยยอดขาย ‘iPhone’ หดตัวลงถึง 21%
สำหรับผลประกอบการจำนวน 6.47 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐนั้น ประกอบด้วย
‘iPhone’ : 2.64 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -21%
‘iPad’ : 6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 46%
‘Mac’ : 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 28%
‘Wearables’ เช่น AirPods, Apple Watch : 7.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 21%
‘Service’ เช่น Apple Music, iCloud, App Store : 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 16.3%
จะเห็นว่า iPad, Mac และสินค้า Wearables ของ Apple เติบโตได้อย่างดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ Work และ Learn from Home ส่วน iPhone ที่เป็นรายได้หลักของ Apple นั้นมียอดลดลงถึง 21% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภครอซื้อ ‘iPhone 12’ ที่วางจำหน่ายในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ ‘จีน’ ซึ่งเป็นประเทศที่สำคัญของ Apple ก็กลายเป็นจุดอ่อน เนื่องจากยอดขายในไตรมาสนี้ลดลงถึง 28% เหลือเพียง 7.95 พันล้านเหรียญสหรัฐ
“รายได้ในประเทศจีนที่มากขึ้นนั้นมาจาก iPhone รุ่นใหม่ ๆ ดังนั้น ในไตรมาส 1 เรามั่นใจว่าตลาดจีนจะกลับมาเติบโตได้ในไตรมาสที่ 1” Tim Cook กล่าว
อย่างไรก็ตาม Apple ยังไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการกลับมาระบาดอีกครั้งของ COVID-19