บริทาเนีย บริษัทลูกในเครือออริจิ้น เปิดโครงการใหม่ท้ายปี 2563 “เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9” โครงการแรกของบริษัทที่ลุยตลาดระดับลักชัวรี ราคาเริ่ม 25-40 ล้านบาท บ้านเดี่ยวมีสระว่ายน้ำในตัวรับยุค New Normal ที่ทุกคนต้องการมีพื้นที่ส่วนตัว สำหรับยอดขายแนวราบปีนี้ทะลุเป้าเรียบร้อย ทำให้บริษัทขยับ 4 โครงการไปเปิดปี 2564
บริษัท บริทาเนีย จำกัด ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เริ่มก่อตั้งเมื่อ 3 ปีก่อน โดยจะเป็นบริษัทเพื่อมุ่งสินค้าแนวราบโดยเฉพาะ เป็นการแตกไลน์ของออริจิ้นในช่วงก่อนหน้านั้นที่เคยพัฒนาแต่คอนโดมิเนียมมาตลอด จนถึงปี 2563 บริทาเนียรับบทหนักในการเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเครือ ตามสภาวะตลาดที่คอนโดฯ เริ่มขายยาก และเป็นปีของแนวราบที่มาแรงกว่า
หลังปั้นพอร์ตแนวราบมา 3 ปี ปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทจะมีสินค้าครบทุกเซ็กเมนต์ โดยบริทาเนียเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9” มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท พรีเซลวันที่ 28 พ.ย.นี้
โครงการแบรนด์ใหม่นี้เป็นบ้านเดี่ยวหรูราคา 25-40 ล้านบาท ทำให้บริษัทปักหมุดในเซ็กเมนต์ลักชัวรีเป็นครั้งแรก และทำให้บริทาเนียมีครบทุกระดับราคาตั้งแต่ทาวน์เฮาส์เริ่มต้น 2 ล้านบาทจนถึงระดับแพงสุดที่โครงการนี้
รายละเอียดโครงการ เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9 ทำเลตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล 2 (สามารถเข้าออกได้ทั้งถนนสุขาภิบาล 2 และถนนเลียบวงแหวนกาญจนาฯ) เนื้อที่ดิน 23 ไร่ แบ่งแปลง 65 ยูนิต แบบบ้านเริ่มต้น 70-90 ตร.ว. เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นพื้นที่ใช้สอย 360-500 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4-5 ห้องนอน 5-6 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3-4 คัน ออกแบบในสไตล์โมเดิร์นบริติช มีความเรียบหรูแบบอังกฤษแต่ให้ความรู้สึกสมัยใหม่เป็นสากล
ไฮไลต์ของโครงการนี้ “ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.บริทาเนีย กล่าวว่า จะอยู่ที่ฟังก์ชันบ้านเป็นพูลวิลล่าทุกหลัง โดยมีสระว่ายน้ำขนาด 3 x 12.5 เมตร ติดกับบริเวณห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหาร ซึ่งจะเหมาะกับยุค New Normal ที่ทุกคนต้องการพื้นที่ส่วนตัว และลดการใกล้ชิดกับผู้อื่นให้มากที่สุด รวมถึงทำให้บ้านได้อารมณ์รีสอร์ต พักผ่อนได้โดยไม่ต้องเดินทางไปพักในโรงแรม
สำหรับยอดขายของตลาดบ้านหรูราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปในย่านบางนา-อ่อนนุช ศุภลักษณ์อ้างอิงจาก Agency for Real Estate Affairs (AREA) พบว่าครึ่งปีแรก 2563 มียอดขายรวม 87 หลัง ซึ่งเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 55% สวนทางกับบ้านเดี่ยวราคา 10-20 ล้านบาทซึ่งยอดขายลดลง -43% และบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทซึ่งยอดขายเติบโตเพียง 1% สะท้อนดีมานด์ในย่านที่ค่อนข้างสูงสำหรับบ้านระดับลักชัวรี
ส่วนคู่แข่งในระดับราคาเดียวกันบนทำเลบางนา-อ่อนนุช พบว่ามีอยู่หลายโครงการ ที่น่าจะ “ชนกัน” โดยตรงคือ “แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-อ่อนนุช” ของค่ายเอสซี แอสเสท ซึ่งทำเลแทบจะรั้วชนรั้ว และเปิดขายในราคาตรงกันคือ 25-40 ล้านบาท รวมถึงจะเปิดขายวันเดียวกันด้วย
อย่างไรก็ตาม ศุภลักษณ์มองว่าบ้านเดี่ยวราคานี้มักจะไม่ทำสงครามราคา เพราะเป็นนิชมาร์เก็ตที่ลูกค้าเลือกจากความชอบเรื่องสไตล์บ้าน ฟังก์ชันบ้าน และบริการเสริมต่างๆ มากกว่าเน้นเรื่องราคา
โจทย์ยากของแบรนด์เบลกราเวียในตอนนี้จึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ใหม่ ฟังก์ชันที่แตกต่าง และความประทับใจแรกของงานออกแบบ เมื่อต้องมาชนกับเจ้าตลาดบ้านหรู
ศุภลักษณ์มองว่า จากการทดลองรับลูกค้า VVIP 21 ครอบครัวแรกเข้ามาชมบ้าน เห็นได้ว่าลูกค้าระดับนี้จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการรักษาความปลอดภัยและบริการเสริม ทำให้บริการที่ให้ของเบลกราเวียน่าจะตอบโจทย์ได้ดี โดยโครงการนี้เป็นพาร์ตเนอร์กับโรงพยาบาลสมิติเวช ติดตั้งระบบปรึกษาแพทย์ทางไกล ปรึกษาคุณหมอได้ฟรีจากบ้าน มีระบบ Nasket ในบ้าน พร้อมส่วนลดจากพาร์ตเนอร์อาหารและบริการ เช่น S&P, สีฟ้า, ชลาชล, Let’s Relax เป็นต้น
ยอดขายทะลุเป้า ยก 4 โครงการใหม่ไปปีหน้า
ด้านยอดขายของบริทาเนียทั้งบริษัท ศุภลักษณ์เปิดเผยว่า บริษัททำยอดได้ทะลุเป้า 4,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้แล้ว โดยคาดว่าจะทำยอดขายได้ถึง 5,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ และทั้งเครือออริจิ้นก็มียอดขายตามเป้าแล้วเช่นกัน จึงไม่ต้องเร่งฝั่งโครงการแนวราบให้เปิดตัวเพิ่ม ดังนั้น บริษัทตัดสินใจเลื่อนโครงการใหม่ 4 โครงการไปเปิดตัวปี 2564 แทน
- “แอสเซทไวส์” เก็บที่ดินเล็กย่านขอบเมืองจุดกระแส “บูทีคทาวน์เฮาส์” เรือธงตลาดแนวราบ
- บ้านเดี่ยว “เอพี” ปี’63 เปิดกระหน่ำยอดขายโต 41% บ้าน 5-10 ล้านบาทเป็นพระเอกของปี
ภาพรวมปี 2564 มองว่า จะเปิดตัวทั้งหมด 10-12 โครงการ (รวมโครงการที่เลื่อนจากปีนี้แล้ว) มูลค่ารวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท แต่ปีหน้าจะกลับไปเน้นทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 2-7 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ไบรตันและบริทาเนีย เพราะปีนี้เปิดตัวแบรนด์แกรนด์บริทาเนียและเบลกราเวีย ราคา 7-15 ล้านและมากกว่า 25 ล้านไปเพียงพอแล้ว บริษัทต้องการให้ตลาดกลุ่มกลางบนถึงลักชัวรีนี้มีสัดส่วนไม่เกิน 20% ดังนั้น ปีหน้าจะต้องกลับมาเสริมตลาดกลางถึงล่าง
ส่วนทำเลที่น่าจะไปในปีหน้า แบ่งเป็น 3 โซนหลัก คือ 1) เขตอีอีซี เช่น จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี เชื่อว่ายังมีกำลังซื้ออยู่ เพราะโรงงานหลายอุตสาหกรรมกลับมาฟื้นตัวแล้วแม้ก่อนหน้านี้จะต้องระงับการทำโอทีไป 2) จ.สมุทรปราการ เป็นโซนถนัดของออริจิ้น ทำให้มีฐานลูกค้าและดาต้าจำนวนมาก 3) กรุงเทพฯ ตะวันตก เพราะเป็นโซนที่บริทาเนียยังเข้าไปไม่มาก จึงต้องการจะบุกตลาด
“ปีนี้กลุ่มแนวราบได้ไฟเขียวผ่านตลอด ทำงานง่ายขึ้น เพราะนโยบายบริษัทก็ต้องการเกียร์มาทางนี้ คุณโด่ง (พีระพงศ์ จรูญเอก ซีอีโอ บมจ.ออริจิ้นฯ) บอกว่ามีเกียร์ 6 ก็ใส่เกียร์ 6 ได้เลย และฝั่งสินเชื่อจากธนาคารก็ดีขึ้น เกณฑ์การปล่อยสินเชื่อยังเข้มงวด แต่มีธนาคารที่สนใจปล่อยกู้ให้เรามากขึ้นมาก” ศุภลักษณ์กล่าว
“เชื่อว่าปีหน้าก็จะยังเป็นปีของแนวราบ เพราะตลาดคอนโดฯ น่าจะยังไม่ฟื้น ชาวต่างชาติยังไม่กลับมาและการซื้อเพื่อลงทุนยังต่ำ ดังนั้น ต้องหวังพึ่งเรียลดีมานด์ในกลุ่มแนวราบเป็นหลัก”