บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต, และเซ็นทรัล วิลเลจ ยืนหยัดเป็นผู้นำอันดับ 1
ในฐานะที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้าและสังคม ควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าและเติบโตร่วมกันกับคู่ค้ามาตลอด 40
ปี โดยเป็นองค์กรอสังหาริมทรัพย์ไทยหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลการันตีระดับโลกให้ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices)
ต่อเนื่อง 3
ปีซ้อน และติดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets)
ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7
ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นที่มีต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนาที่มีความแข็งแกร่ง สามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว และพร้อมเป็นกำลังหลักที่ช่วยสนับสนุนประเทศให้พัฒนาก้าวหน้าต่อไป
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ความสำเร็จของเซ็นทรัลพัฒนาตลอด 40
ปีที่ผ่านมา เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบันบริษัทฯ มีศูนย์การค้า 34
แห่งในไทยและต่างประเทศ โดยยังคงความเป็นผู้นำในการพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับสังคมไทยอย่างไม่หยุดนิ่ง การที่บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจไปในโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนามิกซ์ยูสโปรเจ็คหลากหลายโครงการ ได้ช่วยสร้างอาชีพ สร้างโอกาส ให้กับผู้ประกอบการทั่วประเทศ สร้างการเติบโตและความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนการทำธุรกิจโดยยึดมั่นในความมีส่วนร่วมและสำนึกรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน จึงทำให้ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืน ดาวน์โจนส์ DJSI
นับเป็นความภาคภูมิใจของเซ็นทรัลพัฒนาในฐานะที่เป็นตัวแทนของบริษัทคนไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ”
เซ็นทรัลพัฒนา เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าองค์กรสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนียั่งยืนระดับโลก DJSI World 2020
ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำทั่วโลก รวมทั้งใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการพิจารณาการลงทุนซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจทั่วโลกว่าบริษัทที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI
จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ลงทุนได้
บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่คำนึงถึงความยั่งยืนใน 3
ด้านทั้งเศรษฐกิจ-
สังคม-
และสิ่งแวดล้อม อย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ 1)
ด้านเศรษฐกิจ:
ทำให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ต่างๆ สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ ช่วยให้เกิดการจ้างงาน การสร้างรายได้ในท้องถิ่น การส่งเสริม SMEs
ท้องถิ่น และการพัฒนาผู้ประกอบรายย่อย รวมถึงโครงการต่างๆ ที่กระตุ้นเศรษฐกิจระดับประเทศ 2)
ด้านสังคม:
ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและสร้างมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชน สร้างพื้นที่พบปะและสันทนาการ รวมถึงจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของชุมชน และ 3)
ด้านสิ่งแวดล้อม:
มุ่งสร้างความยั่งยืนภายใต้โครงการ Journey to Zero
เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษ โดยส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้โซลาร์เซลล์ในศูนย์การค้า,
การใช้น้ำรีไซเคิล, การจัดการขยะอย่างถูกวิธี เป็นต้น
สำหรับการดำเนินงานในปี 2563
บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19
รวมทั้งมีการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 ยังคงมีกำไร โดยมีรายได้รวม 7,
599 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,
481 ล้านบาท และมีการฟื้นตัวจากไตรมาส 2
อย่างมาก ในขณะที่ภาพรวมงวดเก้าเดือนของปี 2563 ถือว่าบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี โดยผลการดำเนินงานรวมตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 23,
753 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 7,
540 ล้านบาท
ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนา บริหารจัดการศูนย์การค้า 34
แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.8
ล้านตารางเมตร (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15
โครงการ,
ต่างจังหวัด 18
โครงการ และในมาเลเซีย 1
โครงการ) ศูนย์อาหาร 30
แห่ง อาคารสำนักงาน 10
อาคาร โรงแรม 2
แห่ง โครงการที่พักอาศัยอีก 15
โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE,
PHYLL PAHOL 34
และ BELLE GRAND RAMA 9
และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN
พิษณุโลก (ทาวน์โฮม) นินญา กัลปพฤกษ์ (บ้านแฝด) โครงการนิยาม บรมราชชนนี (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ได้แก่ นีรติ เชียงราย และนีรติ บางนา โดยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ตามแผนระยะยาวที่วางไว้ โดยโครงการมิกซ์ยูสที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา และเซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา (กำหนดเปิดปี 2564
) เซ็นทรัลพลาซา จันทบุรี (กำหนดเปิดปี 2565
) และโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค บนทำเลทอง “ซุปเปอร์คอร์ ซีบีดี” ในกรุงเทพฯ โดยจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2566-2567
เป็นต้นไป
ติดตามทุกข่าวสารได้ผ่านช่องทาง LINE
Add friend ที่ @Positioningmag
ติดตามผ่านช่องทาง Twitter
Add friend ที่ @Positioningmag
ติดตามผ่านช่องทาง Twitter
Follow @positioningmag