มองตลาด ‘IoT’ ไทยผ่านตา ‘Things on Net’ ที่เชื่อว่า ‘ความเข้าใจ’ และ ‘อีโคซิสเต็มส์’ ยังเป็นโจทย์ใหญ่

IoT เป็นเทรนด์ที่มาแรงมากในยุคที่มี 5G แบบนี้ เนื่องจากจะเข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว สำหรับภาคอุตสาหกรรมเองก็มักนำมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อีกทั้งยังช่วยเก็บข้อมูลไว้เป็น Big Data สำหรับวิเคราะห์จุดอ่อนจุดด้อย โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 มูลค่าตลาดของ IoT ทั่วโลกจะอยู่ที่ 11.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว ดังนั้น ตลาด IoT จึงเป็นตลาดที่หลายองค์กรให้ความสนใจจะเข้ามาในตลาดนี้ แต่ก็ไม่ได้หมูขนาดนั้น

Things on Net เป็นใคร

รติรส จันทรพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ติงส์ ออน เน็ต (THINGS ON NET CO., LTD.) ผู้ให้บริการโซลูชั่นอินเทอร์เน็ต ออฟ ติงส์ หรือไอโอที (Internet of Things: IoT) ครบวงจร กล่าวว่า บริษัท ติงส์ ออน เน็ตคือ เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้าน IoT จากโครงข่าย Sigfox Operator โครงข่ายเทคโนโลยีการสื่อสารจากประเทศฝรั่งเศสแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งโครงข่ายดังกล่าวเป็นโครงข่ายเดียวในโลกที่สามารถส่งสัญญาณได้ในระดับ Global แบบครบวงจรในคลื่น 920-925 MHz ครอบคลุมพื้นที่กว่า 72 ประเทศ และครอบคลุมประชากรโลกมากกว่า 1.2 พันล้านคน โดยอุปกรณ์ IoT จะสามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณการสื่อสารของ Sigfox ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกแบบโรมมิ่งโดยอัตโนมัติซึ่งใช้พลังงานน้อยเนื่องจากส่งข้อความขนาดเล็ก โดยปัจจุบันมีการส่งข้อความกว่า 3 พันล้านข้อความ

“อย่างหลุยส์ วิตตองก็เป็นลูกค้า โดยใช้ระบบ IoT ติดกับกระเป๋าเดินทาง เมื่อกระเป๋าหายก็สามารถแทร็กได้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะสามารถส่งสัญญาณได้ในระดับโลก หรือแม้แต่ใช้ IoT เป็นเซ็นเซอร์จับหนูในสนามบิน

รติรส เผือกวัฒนะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ติงส์ ออน เน็ต (THINGS ON NET CO., LTD.)

ไม่ใช่คู่แข่งของใคร

ในด้านการแข่งขันบริษัทมองว่าไม่มี เพราะบริษัทเป็นรายเดียวที่ให้บริการแบบ Global Network และบริษัทจะเน้นให้บริการแบบ B2B ในเขตภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยโฟกัสหลักของบริษัทจะเน้นไปที่อุตสาหกรรมอย่างอะกรีเคาเจอร์, ทรานสปอร์ตเทชั่น, เฮลท์แคร์, เรียลเอสเตส และอุปโภคบริโภค นอกจากนี้จะเน้นไปที่สมาร์ทซิตี้ เช่น ฝั่ง IoT ดูที่จอดรถว่าว่างหรือไม่ว่าง, ใช้ดูท่อประปาต่าง ๆ ว่ามีรอยรั่วหรือไม่, ใช้บริหารจัดการขยะเพื่อดูว่าถังขยะไหนเต็มหรือไม่เต็ม, ใช้วัดคุณภาพอากาศ เป็นต้น

โดยบริษัทให้บริการแบบ Total Solution ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การกำหนดกลยุทธ์ การวิเคราะห์ข้อมูลด้าน IoT รวมทั้งชุดอุปกรณ์เซนเซอร์สำเร็จ แพลตฟอร์มและโซลูชันไอโอที อาทิ Asset tracking management, การบริหารจัดการของเสีย (Waste management), สมาร์ทโซลูชั่นความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม (Safety and Environmental), Smart farming, Smart city

“ในเขตอุตสาหกรรมหนึ่งไม่สามารถใช้เทคโนโลยีใครเทคโนโลยีเดียวได้ อย่างของเราจะเน้นให้บริการแบบกว้างส่งสัญญาณได้ไกล แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ส่งทีละเยอะ ๆ 5G ถือว่าตอบโจทย์ ดังนั้นเรากับผู้ให้บริการรายอื่นมีจุดดีจุดด้อยต่างกัน”

ตลาด IoT ไทยไม่หมูเพราะอีโคซิสเต็มส์กระจัดกระจาย

อย่างไรก็ตาม ความยากในการทำตลาด IoT ก็คือ 1.คนทั่วไปยังไม่รู้จักอย่างแท้จริงและองค์กรยังไม่เคยใช้ เพราะส่วนใหญ่จะเข้าใจแค่ด้าน B2C 2.อีโคซิสเต็มส์ยังกระจัดกระจาย อย่างคนมีฝีมือแต่ขาดการรวบรวม ซึ่ง 2 ข้อนี้ถือว่าเป็นโจทย์หลักของบริษัทเพื่อให้คนรู้ว่า IoT มีความหลากหลายอย่างมาก รวมถึงการรวบรวมอีโคซิสเต็มส์ที่กระจัดกระจาย

ทั้งนี้ บริษัทมีกลยุทธ์ 4C ในการทำตลาด 1.Communications มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ 2.Coverage โดยวางเสาสัญญาณได้ครอบคลุมทุกจังหวัด 3.Channel ช่องทางการขายต่าง ๆ และ 4.Co-Partnerships การมีพาร์ตเนอร์เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งพาร์ตเนอร์ด้านคลาวด์ แดชบอร์ด และพาร์ตเนอร์ด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาเหล่าดีเวลลอปเปอร์และรวมอีโคซิสเต็มส์ที่กระจัดกระจาย เป็นต้น

“ตอนนี้เราพยายามหาพาร์ตเนอร์ให้ได้มากที่สุดในทุกด้าน เพราะแน่นอนว่า COVID-19 ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุน แต่ก็จะยังมีความต้องการในบางกลุ่ม ดังนั้น บริษัทจึงพยายามมุ่งเน้นการสื่อสารไปหากลุ่มลูกค้าให้ได้หลากหลายที่สุด เพราะเราเชื่อว่ายังมีความต้องการ”

เราไม่หยุดอยู่แค่นี้ ในปีหน้าเราจะมีโซลูชันใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามาตอบโจทย์ตลาด และพยายามสร้างบุคลากรรวมถึงรวบรวมอีโคซิสเต็มส์ที่กระจัดกระจาย เรามองว่าตลาด IoT ในไทยโตแน่นอน แม้ว่า COVID-19 อาจทำให้ชะลอตัวไปบ้าง แต่ภาครัฐไทยก็พยายามให้การสนับสนุน เพราะ IoT มันช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานรวมถึงช่วยลดต้นทุนได้