ย้อนดูตลาดคริปโตฯ 2020 ที่โตกว่า 3.3 เท่า พร้อมจับตา ‘บิตคอยน์’ ยังผันผวนแรง

เพราะในปี 2020 ตลาดทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศเป็น K-shaped เป็นเหตุให้ในปีที่ผ่านมา พบผู้ใช้รายย่อยและสถาบันต่าง ๆ หันมาใช้คริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency) เป็นจำนวนมาก เป็นแรงผลักดันให้ตลาดคริปโตฯ กลับโดดเด่นขึ้นมาอีกครั้ง

ปี 2020 คริปโตฯ โต 3 เท่า

‘Binance’ กระดานเทรดคริปโตฯ ระดับโลกได้เปิดเผยภาพรวมตลาดคริปโตฯ ปี 2020 ว่า มูลค่าตลาดรวม (total market cap) เติบโตขึ้นมากกว่า 3.3 เท่า ในปีเดียว ทำให้มูลค่าตลาดคริปโตฯ จากประมาณ 1.93 แสนล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 1 มกราคม 2020 เติบโตเป็น 6.41 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นผลมาจากนักเทรดมุ่งซื้อ Bitcoin เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้มูลค่า Bitcoin มียอดแตะ 29,287 ดอลลาร์ หรือ 878,610 บาทในวันที่ 31 ธันวาคม 2020

ทั้งนี้ Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินที่นิยมสูงสุด โดยจากข้อมูลสิ้นสุด ณ วันที่ 21 ธ.ค. 63 พบว่า Bitcoin คิดเป็น 66% ของตลาด ตามด้วย Ether ที่ 11% ในขณะที่ XRP ตกลงมาเหลือที่ 4% โดยปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในแพลตฟอร์ม Spot, Futures, Options, Margin และ Leverage Token รวมกันมากกว่า 3.0 ล้านล้าน USDT (United States Dollar Tether เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 90 ล้านล้านบาท ขณะที่ปริมาณการซื้อขายสูงตลอด 1 วัน (24 ชั่วโมง) มีมากกว่า 52.6 พันล้าน USDT หรือ 1,578 พันล้านบาท ‘เอเชีย’ ยังคงเป็นตลาดคริปโตฯ ที่มาแรงสุด โดยมีปริมาณการซื้อขายอันดับสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ส่วนยุโรปตามเป็นอันดับที่ 2

ปี 2021 ยังผันผวนหนัก

หลังจากที่ตลอดในปี 2020 ที่ผ่านมามูลค่าของบิตคอยน์ก็เติบโตขึ้นเกือบ 3.3 เท่า มาปี 2021 มูลค่าของ Bitcoin ก็เพิ่มขึ้นถึงระดับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก โดยเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2021 มูลค่าของ Bitcoin ก็ทะลุ 37,700 ดอลลาร์ ช่วยดันให้ คริปโตฯ ทั้งหมดที่สูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก และในวันที่ 8 ม.ค. ก็ทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 41,950 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเติบโตเกือบ 30% และเติบโตมากกว่า 800% จากระดับต่ำสุดในปี 2020 เมื่อเดือนมีนาคม

แต่หลังจากนั้น ราคา Bitcoin ก็ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาขึ้น-ลง ผันผวนอยู่ในกรอบ 10-20% มาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 22 ม.ค. ก็หล่นมาเหลือ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม JPMorgan วิเคราะห์ว่า Bitcoin อาจแตะ 146,000 ดอลลาร์สหรัฐในระยะยาว

ขณะที่มูลค่าของ Ether พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในช่วงวันที่ 19 ม.ค. ปิดที่ 1,439 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเกือบจะแซงสถิติสูงสุดที่ 1,448 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นปี 2018

กูรูมั่นใจ ฟองสบู่ยังไม่แตก

ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการเว็บเทรด Satang Pro กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ขึ้นเร็วมาก จนหลายคนมองว่าเร็ว ๆ นี้ก็จะต้องปรับฐาน เหมือนกับที่เคยเป็นมาในอดีตเช่นปี 2017-2018 ดังนั้นเลยคิดว่า Cycle นี้ของ Bitcoin ยังไม่จบ ฟองสบู่ยังไม่แตก และจะสามารถทำ New High ได้อีก ซึ่งการที่บิตคอยน์ทำราคาสูงสุดใหม่หลายครั้งนั้น ตลาดกำลังส่งสัญญาณว่าความสำคัญของเหล่าวาฬนักลงทุนรายใหญ่ (Big Whale) เริ่มลดบทบาทลงเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพราะปัจจุบันผู้เล่นรายใหญ่และหน้าใหม่ ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบัน (Hedge Funds, Asset Management, Corporates) เข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 เป็นต้นมา

แนะใช้เงินเย็นลงทุน

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าราคาบิตคอยน์นั้นผันผวนแรงจาก 42,000 ดอลลาร์สหรัฐลงมาต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐนั้นเป็นไปได้ภายในเวลาไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ สุดท้าย คงยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าอนาคตของตลาดคริปโตฯ และ Bitcoin จะเป็นอย่างไร ขนาดนักเศรษฐศาสตร์ นักลงทุนระดับโลก ยังทำนายผลการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ยังถูกกันโดยเฉลี่ยได้เพียง 50-60% เท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นแล้วเงินที่จะนำมาใช้ลงทุนในคริปโตฯ ควรจะเป็นเงินเย็น เป็นเงินที่เรายอมรับได้ถ้าเกิดการสูญเสีย เงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรือเงินที่ไปกู้มา ก็ยังยืนยันว่าไม่ควรเสี่ยงเด็ดขาด ต่อให้รู้ว่าตลาดมันจะขึ้นก็ตาม นักลงทุนมือใหม่ควรศึกษาหาความรู้ให้เข้าใจ เทรดแบบมองข้อมูลเชิงพื้นฐานและศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้วยเพื่อป้องกันความเสี่ยง ที่สำคัญคือต้องใช้สติและวิจารณญาณในการลงทุน

CNBC / Manager