เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา AstraZeneca ไม่สามารถส่งวัคซีนได้ตามจำนวนที่สัญญาไว้ ซึ่งอาจส่งผลให้การฉีดวัคซีนของสหภาพยุโรปไม่เป็นไปตามแผน ซึ่งนั่นหมายถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยิ่งมีความเสี่ยง
Stella Kyriakides คณะกรรมาธิการยุโรปด้านสาธารณสุขของอียู แสดงความไม่พอใจในการเจรจากับ AstraZeneca เธอกล่าวว่าผู้ผลิตยา ‘ตั้งใจที่จะจัดหายาในปริมาณที่น้อยกว่าที่ตกลง’ โดยอาจจัดส่งได้น้อยกว่าที่ตกลงกันไว้ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก ซึ่งสหภาพยุโรปได้สั่งซื้อวัคซีน AstraZeneca จำนวน 300 ล้านโดสซึ่งจะได้รับการอนุมัติให้ใช้ในสัปดาห์นี้โดยมีตัวเลือกให้ซื้อเพิ่มอีก 100 ล้านโดส
“ยุโรปลงทุนหลายพันล้านเพื่อช่วยพัฒนาวัคซีน COVID-19 ตัวแรกของโลกเพื่อให้เกิดผลดีร่วมกันในระดับโลกอย่างแท้จริง และตอนนี้ บริษัทต่าง ๆ ต้องส่งมอบวัคซีนตามที่ตกลงไว้ พร้อมทั้งต้องการความโปร่งใสอย่างเต็มที่เกี่ยวกับการส่งออกวัคซีน”
ทั้งนี้ อียูได้แบ่งเงินจากกองทุนฉุกเฉินจำนวน 2.7 พันล้านยูโร (3.3 พันล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยเหลือในการพัฒนาวัคซีน ยิ่งไปกว่านั้นมีการใช้จ่ายหลายพันล้านเพื่อให้สามารถผลิตได้ในปริมาณมาก
Pierpaolo Sileri รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอิตาลี กล่าวว่า ผู้คนที่มีอายุมากกว่า 80 ปีจะได้รับการฉีดวัคซีนช้ากว่าที่วางแผนไว้ 4 สัปดาห์อันเป็นผลมาจากความล่าช้า โดยประเทศอิตาลีกำลังขู่ว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ผลิตยา
“เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงเราสามารถฉีดวัคซีนให้กับชาวอิตาลีได้ถึง 45 ล้านคน แต่ผมไม่เชื่อในบริษัทเหล่านี้จนกว่าจะเห็นวัคซีน”
Jens Spahn รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนี กล่าวว่า การควบคุมการส่งออกวัคซีนไม่ได้เกี่ยวกับการให้ “สหภาพยุโรปเป็นอันดับแรก” แต่เป็นการทำให้แน่ใจว่า “ยุโรปได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรม”
ด้าน AstraZeneca กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เมื่อวันที่ 15 มกราคมเราส่งมอบปริมาณน้อยกว่าที่วางแผน เนื่องจากบริษัทได้ปรับปรุงโรงงานผลิตใน Puurs ประเทศเบลเยียม โดยในขณะนี้เรายังคงเพิ่มปริมาณการผลิต เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะผลิตยาให้ได้ 2 พันล้านโดสภายในสิ้นปี 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1.3 พันล้านที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก” ขณะที่ Pfizer กล่าวว่า จะกลับสู่กำหนดการเดิมของการส่งมอบสำหรับสหภาพยุโรปในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนมองว่า ความล่าช้าหนึ่งหรือสองสัปดาห์ “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่” แต่ก็เข้าใจดีว่าความล่าช้าหมายถึงชีวิต Burak Kazaz ศาสตราจารย์ด้านการจัดการซับพลายเชน มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ กล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าจากทั้งสองบริษัทเป็นสัญญาณว่ายังคงมีข้อบกพร่องในห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าไม่ได้เป็นเพียงปัญหาสำหรับยุโรปเท่านั้น แต่เกิดในหลาย ๆ ประเทศ