บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2563 โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 173,000 ราย แม้จะมีความท้าทายจากการแพร่ระบาด COVID-19 อย่างต่อเนื่อง
ณ สิ้นปี 2563 ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมดอยู่ที่ 18.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 173,000 รายจากไตรมาสก่อน จากการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ในกลุ่มลูกค้าชาวไทย โดยมีผู้ใช้บริการลดลง 1.8 ล้านคนในระหว่างปี เป็นผลจากนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าวที่หายไปหลังมาตรการปิดประเทศ ซึ่งนําไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
- รายได้จากบริการไม่รวมค่า IC ลดลง 2% ในไตรมาส 4/2563 จากไตรมาสที่แล้ว และลดลง 4.6% ในปี 2563 จากปีก่อน
- รายได้จากบริการหลักลดลง 1.3% ในไตรมาส 4/2563 จากไตรมาสที่แล้ว และลดลง 2.2% ในปี 2563 จากปีก่อน
- EBITDA สำหรับปี 2563 มีมูลค่า 30.2 พันล้านบาท และยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2562
- กำไรสุทธิปี 2563 อยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ดีแทคให้แนวโน้มสำหรับปี 2564 ในส่วนของรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่า IC ที่ลดลงในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ EBITDA ที่ลดลงในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ และค่าใช้จ่ายลงทุน 1.3 -1.5 หมื่นล้านบาท
ในปี 2563 ดีแทคได้ใช้เทคโนโลยี Massive MIMO เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการใช้งาน 3 เท่า ขยายการให้บริการบนคลื่น 2300 MHz ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างดีแทคและทีโอที ให้ครอบคลุมสถานีฐานมากกว่า 20,000 สถานี และเริ่มเปิดให้บริการคลื่น 700 MHz ซึ่งเป็นคลื่นย่านความถี่ต่ำ ไปยังสถานีฐานกว่า 2,400 แห่ง เพื่อขยายพื้นที่ครอบคลุมและพัฒนาประสบการณ์การใช้งานภายในอาคารให้ดียิ่งขึ้น