แม้ว่าเทคโนโลยี ‘คลาวด์’ จะถูกพูดถึงมา 4-5 ปีแล้ว แต่เพราะปี 2020 ที่มีการระบาดของ COVID-19 จึงทำให้เกิดการตื่นตัวของ Digital Transformation เพราะองค์กรต่างต้องการความคล่องตัวมากขึ้นจึงหันมาใช้คลาวด์ แต่จะใช้ ‘แบบไหน’ ให้เข้ากับการใช้งานขององค์กรมากที่สุดน่าจะเป็นโจทย์ที่สำคัญในตอนนี้
‘นูทานิคซ์’ ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์คลาวด์ ได้เปิดเผยผลสำรวจผู้ประกอบธุรกิจพบว่า 86% ทั่วโลกสนใจใช้งาน ‘ไฮบริดคลาวด์’ ที่เป็นการผสมระหว่างพับลิคคลาวด์และไพรเวทคลาวด์ โดยคาดว่าภายใน 4 ปีข้างหน้าการใช้งานไฮบริดคลาวด์จะเติบโตขึ้น 4 เท่า ขณะที่การใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์จะลดลงถึง 89%
โดยปัจจัยที่ทำให้องค์กรส่วนใหญ่เลือกจะมาใช้ไฮบริดคลาวด์ ก็คือ
- ความเร็วที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจ 79%
- ความสามารถในการควบคุมการใช้งานทรัพยากรไอทีได้มากขึ้น 67%
- ความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจ 66%
“ที่น่าสนใจคือ การใช้เพื่อลดต้นทุนกลายเป็นสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญน้อยลงกว่าในอดีต ซึ่งเหลืออยู่แค่ 46% จากเดิมจะต้องมีกว่า 50%” ทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ กล่าว
ในส่วนของประเทศไทย ค่อนข้างมีทิศทางเดียวกับทั่วโลก โดย
- 76% การใช้ไฮบริดคลาวด์ถือเป็นทางแนวทางที่เหมาะสมสำหรับองค์กรปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาและสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก
- 67% มีแผนที่จะใช้ไฮบริดลาวด์ภายใน 5 ปี
- 63% จากระดับการใช้ไฮบริดในปัจจุบัน
- 3% เท่านั้นที่วางแผนจะใช้ดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิมที่ไม่ใช่ระบบคลาวด์ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ การประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ใช่เหตุผลหลักในการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานไอทีในไทยเช่นกัน แรงจูงใจสามอันดับแรกในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้ทันสมัยของบริษัทในไทยที่ตอบแบบสำรวจ ได้แก่
- 79% ต้องการเพิ่มความเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ
- 67% ควบคุมการใช้ทรัพยากรไอทีให้มีประสิทธิภาพขึ้น
- 67% ให้สามารถให้การสนับสนุนลูกค้าได้ดีขึ้น
- 13% การประหยัดค่าใช้จ่าย
- 82% ของผู้ตอบแบบสำรวจในไทยระบุว่า COVID -19 ทำให้องค์กรของตนมองเรื่องไอทีในเชิงกลยุทธ์มากขึ้น
- 68% มีการเพิ่มการลงทุนในพับลิคคลาวด์ (เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 47%)
- 56% มีการลงทุนในไพรเวทคลาวด์เพิ่มขึ้น (เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 37%)
“ที่ค่าเฉลี่ยเรามากกว่าประเทศอื่นในเอเชียแปซิฟิกและค่าเฉลี่ยโลก เพราะองค์กรไทยจำนวนมากยังดำเนินงานในรูปแบบที่ไม่พึ่งพาระบบไอทีมากเท่าไร องค์กรเหล่านี้จึงยังไม่ให้ความสำคัญกับไฮบริดคลาวด์ แต่ถ้าเป็นองค์กรใหญ่ก็จะยังลงทุนต่อเนื่องอยู่แล้ว”
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ผู้ตอบแบบสำรวจทุกคนจะระบุว่า COVID-19 มีผลทำให้ต้องลงทุนในระบบคลาวด์เพิ่มขึ้น แต่ 15% ขององค์กรระบุว่าจะยัง ‘ไม่ลงทุนคลาวด์ในช่วง COVID-19’ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่า 8% ที่เป็นค่าเฉลี่ยของภูมิภาคและ 10% ของค่าเฉลี่ยโลก
ปัจจุบัน กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานไฮบริดคลาวด์เพิ่มสูงมากขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมา ได้แก่ อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและการเงินการธนาคาร และจากตัวเลขที่พบว่าองค์กรในไทย 45% ได้ลงทุนเพิ่มเรื่องไฮบริดคลาวด์ช่วง COVID-19 ก็ถือเป็นสัญญาณบวกต่อนูทานิคซ์ โดยถือเป็นแนวโน้มที่จะทำให้บริษัทจะเติบโตได้ดีมากกว่าปีที่ผ่านมา