บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย โชว์ผลดำเนินงานปี 2563 มีกำไรสุทธิ 561.9 ล้านบาท เติบโต 62.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังบริหารจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง โดยไม่มีผลขาดทุนจากการปิดสัญญา และต้นทุนทางการเงินต่ำลง ขณะที่รายได้รวมจากดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและบริการ 1,613.7 ล้านบาท เติบโต 0.6% จากการขยายฐานลูกค้าใหม่ สอดคล้องพอร์ตสินเชื่อ 6,500 ล้านบาท ด้านบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.108 บาทต่อหุ้น ชูแผน 64 ขยายสาขา 200 แห่ง รับความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนเพิ่ม
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ ‘ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ
561.9 ล้านบาท เติบโต 62.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 345.9 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง 259.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.1 % หลังไม่มีผลขาดทุนจากการปิดสัญญา และความสำเร็จการบริหารหนี้ NPLs อยู่ในระดับ 2-2.5% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง
ด้านภาพรวมพอร์ตสินเชื่อในปี 2563 อยู่ที่ 6,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 6,637 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 บริษัทฯ จึงมีความระมัดระวังในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อแก่ลูกค้า เพื่อรักษาสภาพคล่องของกระแสเงินสด ส่งผลให้รายได้รวมอยู่ที่ 1,613.7 ล้านบาท เติบโต 0.6% ใกล้เคียงช่วงกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,604.6 ล้านบาท โดยมาจากอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและบริการ รวมทั้งการเปิดสาขาใหม่ ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้นและมีลูกหนี้เงินให้สินเชื่อเฉลี่ยต่อสัญญาที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ความสำเร็จของผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีอนุมัติการจ่ายปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2563 ในอัตรา 0.108 บาทต่อหุ้น โดยจะมีวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 เมษายน 2564 และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น
กรรมการผู้จัดการ บมจ. ศักดิ์สยามลิสซิ่ง กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิด ‘ปล่อยสินเชื่อเป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง ให้แก่ประชาชน’ โดยมุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มเป็น 8,400 ล้านบาท จากฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งสาขาเดิมและสาขาใหม่ในปีนี้ที่จะขยายเพิ่ม 200 แห่ง จากที่มี 519 สาขา ครอบคลุม 38 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก ทั้งในระดับอำเภอและตำบล เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพิ่มขึ้นและรองรับกับต้องการสินเชื่อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“เรามีความตั้งใจเป็นสินเชื่อรายย่อยเพื่อประชาชนฐานราก ที่โปร่งใส เป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง ที่ดีกว่าเดิม เพื่อให้เราสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพ ด้วยบริการที่มีความจริงใจ ตลอดจนการปล่อยสินเชื่อที่รัดกุม ควบคู่กับการบริหารสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ต่ำกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งผลักดันให้ ‘ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ เป็นแบรนด์ที่มีความแตกต่างและผลักดันการเติบโตได้ตามแผน” นายศิวพงศ์ กล่าว