บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศอัพเดทยอดขาย ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ โครงการเมืองแห่งแรกในโลกที่ออกแบบทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น และมีความสุขมากขึ้น โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายถึง 2,000 ล้านบาท ทำให้ล่าสุด ยอดขายโครงการที่พักอาศัยต่างๆ ใน ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ รวมทั้งหมด ทะลุ 6,000 ล้านบาท
‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ เป็นโครงการต้นแบบแห่งใหม่ของโลกในการพัฒนาเมือง ซึ่งมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้คนที่มาใช้ชีวิตอยู่ในโครงการเมืองแห่งนี้ ใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดียิ่งขึ้น โดย ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม. 7 ประกอบไปด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านและคอนโดมิเนียม ที่มุ่งตอบสนองความหลากหลายของไลฟ์สไตล์และขนาดของครอบครัวที่แตกต่างกัน นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่เชิงธุรกิจสำหรับสำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ กิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงพื้นที่สำหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ของครอบครัว และพื้นที่สำหรับกิจกรรมชุมชนและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ โรงละคร อีเว้นต์ฮอลล์ ตลาด และหนึ่งในไฮไลท์ของโครงการคือ ผืนป่าขนาดใหญ่ถึง 30 ไร่ เป็นหัวใจของโครงการ
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า “เป้าหมายสำคัญที่สุดของเราคือการส่งเสริมให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ในสภาพแวดล้อมที่ได้รับการออกแบบและดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งเรารู้ว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้คนมีความสุขก็คือ การมีสุขภาพที่ดี และการได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก สมาชิกในครอบครัวจากหลากหลายเจเนอเรชั่นได้มาอยู่ใกล้ชิดกัน นั่นคือเหตุผลที่ MQDC ผนึกกำลังกับผู้เชี่ยวชาญ และสถาบันต่างๆ ที่เป็นสถาบันชั้นนำระดับโลกและสถาบันชั้นนำของประเทศไทย เพื่อออกแบบรังสรรค์และก่อสร้างโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ให้เป็นโครงการต้นแบบของการพัฒนาเมืองเพื่อการมีสุขภาพที่ดีอย่างที่ต้องการ”
นายกิตติพันธุ์ กล่าวว่า “ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายโครงการที่พักอาศัยต่างๆ ใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยขายไปแล้วกว่า 300 ยูนิต รวมคอนโดมิเนียมและวิลล่า ทั้งนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการที่พักอาศัยและสังคมที่ส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขอนามัยที่ดี และมีสุขภาพดี ไม่ว่าโดยการได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และการผสมผสานธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิต การออกแบบจัดการอากาศบริสุทธิ์ และแสงธรรมชาติภายในโครงการและภายในที่พักอาศัย ตลอดจนการจัดวางผังองค์ประกอบ และการเลือกใช้วัสดุต่างๆ”
นายกิตติพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราเชื่อว่าลูกค้าและผู้สนใจที่มาเยี่ยมชมโครงการ จะตื่นเต้นที่ได้เห็นสถานที่จริง และได้เห็นความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้สนใจตัดสินใจซื้อ โดยในส่วนของความคืบหน้าล่าสุดของการก่อสร้างโครงการที่พักอาศัยต่างๆ นั้น โครงการ ‘วิสซ์ดอม คอนโดมิเนียม’ และโครงการที่อยู่อาศัย ‘ดิ แอสเพน ทรี เรสซิเดนซ์’ วางเสาเข็มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนโครงการ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ คอนโดมิเนียม’ และ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า’ รวมทั้งโครงการ ‘ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์’ และส่วนพื้นที่เชิงธุรกิจและไลฟ์สไตล์ต่างๆ เริ่มต้นงานวางเสาเข็มแล้ว นอกจากนั้นความคืบหน้าในส่วนอื่นๆ อย่างสะพาน ทางเดิน งานโครงสร้างพื้นฐาน งานสาธารณูปโภค และอุโมงค์ ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
“ทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร ซึ่งรวมทางเดินที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ และองค์ประกอบหลายๆ ส่วนในโครงการ และทางเดินที่ทอดตัวอยู่เหนือผืนป่าซึ่งอยู่บริเวณใจกลางโครงการ มอบเป็นเส้นทางเดินเท้าท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ก็ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน” นายกิตติพันธุ์ กล่าว
จากการเปิดเผยของนายกิตติพันธุ์ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นยอดขายโครงการ ก็คือ การที่โครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพมากที่สุดแห่งหนึ่ง นั่นคือพื้นที่ยุทธศาสตร์ของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในฐานะโครงการสำคัญของประเทศ เป็นสิ่งที่ช่วยตอกย้ำความมั่นใจให้กับผู้ซื้อโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ว่านี่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าด้วย”
ทั้งนี้ โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณปลายปี พ.ศ. 2566