นายเผิง ซง ประธานฝ่ายการตลาดและโซลูชั
ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา การให้บริการด้านโทรคมนาคมได้ก้าวผ่านจากยุคที่ใช้เพียงแค่เสียง ไปสู่การให้บริการที่รวมการส่งข้อมูลหลากหลายรูปแบบ วิดีโอ และอื่น ๆ โดยเทคโนโลยีไร้สาย เทคโนโลยีไอที รวมถึงเทคโนโลยีด้านการคมนาคมเองก็ได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของบริการด้านการสื่อสาร เพื่อให้ตอบรับกับความต้องการของผู้คนที่เพิ่มขึ้นได้
นายเผิงกล่าวเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนผ่านไปยังสังคมอัจฉริยะที่เร็วขึ้นเป็นปัจจัยที่ทำให้ทุกภาคอุตสาหกรรมก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล และโครงสร้างพื้นฐานทางไอซีทีจะเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิทัล ดังนั้น การวางแผนโครงข่ายแบบเจาะจง (Target-network) จะเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างการเติบโตใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม และจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดทางธุรกิจเพื่อสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ โดยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้จะต้องปรับตัวอย่างมากและรวดเร็ว เพื่อให้ทันกับความต้องการของบริการและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ดังนั้นผู้ให้บริการจะต้องวางแผนการพัฒนาโครงข่ายดังกล่าวตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้พร้อมสำหรับโอกาสในวันข้างหน้า
ในระหว่างการบรรยาย นายเผิงได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของหัวเว่ยเกี่ยวกับโครงข่ายโทรศัพท์มือถือในปี 2025 ไว้ว่า จากศักยภาพและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน หัวเว่ยเชื่อว่าการพัฒนาโครงข่ายแบบเจาะจงจะต้องมีคุณสมบัติ 5 ประการ ได้แก่ การให้บริการในความเร็วระดับกิกะบิตครอบคลุมทุกที่ (Gigabit Anywhere) การทำงานอัตโนมัติในระดับสูง (Ultra-Automation) การเชื่อมต่อคลาวด์แบบอัจฉริยะได้หลากหลาย (Intelligent Multi-Cloud Connection) การมอบประสบการณ์ใช้งานที่แตกต่างและดีกว่า (Differentiated Experience) และการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environment Harmony) ซึ่งสามารถสรุปรวมเป็นแนวคิดการพัฒนาโครงข่ายแบบ GUIDE นั่นเอง
5 คุณสมบัติภายใต้แนวคิดการพัฒนาโครงข่ายเจาะจงแบบ GUIDE มีรายละเอียดหลักดังนี้:
การให้บริการในความเร็วระดับกิกะบิตได้ครอบคลุมทุกที่นั้นเป็นสิ่งสำคัญในการให้บริการ เพราะความเร็วระดับนี้เป็นรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจในหลากหลายระดับ ตั้งแต่ระดับองค์กร เมือง หรือแม้กระทั่งระดับประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นความต้องการพื้นฐานของแอปพลิเคชัน VR และ AR กล้องระดับอุตสาหกรรม หรือการเก็บข้อมูลจำนวนมาก
การทำงานอัตโนมัติในระดับสูง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับโครงข่ายที่มีการเดินระบบและซ่อมบำรุงแบบอัจฉริยะ (intelligent O&M) เนื่องจากการให้บริการ 5G ที่เพิ่มขึ้นย่อมหมายถึงความซับซ้อนที่มากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นผู้ให้บริการจำเป็นต้องเปิดให้ระบบทำงานอัตโนมัติได้ในระดับที่สูงขึ้นโดยใช้บิ๊กดาต้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะต่าง ๆ เพื่อลดจำนวนงานของพนักงานลง และสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว
การเชื่อมต่อคลาวด์หลากหลายรูปแบบอย่างอัจฉริยะจะทำให้โครงข่ายสามารถรวบรวมบริการหลายแบบเข้าด้วยกันได้ เทคโนโลยีคลาวด์นั้นเติบโตขึ้นจนกลายเป็นฟีเจอร์หลักที่หลายบริการต้องพึ่งพา การพัฒนาด้านเทคโนโลยีทำให้ระบบไอทีของหลาย ๆ องค์กรต้องพึ่งพาคลาวด์มากขึ้น และการที่องค์กรสามารถเชื่อมต่อคลาวด์ได้หลากหลายเป็นสิ่งจำเป็นเพราะจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความเสถียรของการบริการ และช่วยกู้ระบบในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ผู้ให้บริการโครงข่ายต้องขยายการบริการที่เชื่อมต่อการเข้าถึงคลาวด์ที่หลากหลายเข้าด้วยกันให้ได้
การมอบประสบการณ์ใช้งานที่แตกต่างและดีกว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ผู้ให้บริการโครงข่ายเดินไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจได้ เพราะประสบการณ์การใช้งานที่ดีของลูกค้า หมายถึงความสามารถในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น เราเห็นตัวอย่างมากมาย เช่น ลูกค้าระดับองค์กร หรือตลาดหลักทรัพย์ ยินดีจ่ายค่าเช่าโครงข่ายเพิ่มขึ้น 10 เท่า เพื่อแลกกับอัตราความหน่วงที่ลดลง 1 มิลลิวินาที ดังนั้น สำหรับผู้ให้บริการ ประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่ม
การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คือความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจทางด้านความยั่งยืนของผู้ให้บริการชั้นนำของโลกหลายราย โดยผู้ให้บริการจะต้องพัฒนาสินค้าและบริการที่ช่วยประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยมลภาวะ และสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน นอกจากนี้ยังควรที่จะจับมือกับผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างสังคมสีเขียวผ่านนวัตกรรมต่าง ๆ เท่าที่จะสามารถทำได้
รูปแบบการสร้างโครงข่ายแบบ GUIDE ที่อยู่ในรายงาน NetX 2025 สำหรับผู้ให้บริการโครงข่ายนี้ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของหัวเว่ยในวิสัยทัศน์ของลูกค้าและการพัฒนาบริการต่าง ๆ ในอนาคต ทั้งนี้ หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโครงข่ายและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างโครงข่ายสำหรับอนาคตและเดินหน้าสู่ความสำเร็จทางธุรกิจร่วมกันภายในปี 2025