2 บิ๊กใหญ่ “DOD – JKN” ผนึกกำลังเซ็น MOU พัฒนาสูตรผลิตผลิตภัณฑ์จากกัญชง จ่อคลอด10 โปรดักส์ภายในปีนี้

บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค เนื้อหอม หลังบริษัทสยาม เฮอเบล เทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก ได้รับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนเพียงรายเดียวในกลุ่มแรก ที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์ดังกล่าว ล่าสุดประกาศผนึกกำลัง MOU ระหว่าง DOD กับ JKN ภายใต้การเป็น Strategic Partner เพื่อร่วมพัฒนาสูตรผลิตผลิตภัณฑ์จากกัญชง รวม 10 ผลิตภัณฑ์ พร้อมระบุเร็วๆนี้เตรียม MOU อีกหลายบริษัท

นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า จากการตื่นตัวรับกระแสของการปลดล็อก “กัญชง” ให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่มองถึงโอกาสของธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มบริษัทผู้ประกอบการสามารถนำสารสกัดจากกัญชงไปเป็นวัตถุดิบและสารตั้งต้น เพื่อผลิตสินค้าประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร, เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อีกหลากหลายชนิด ซึ่ง DOD เป็นหนึ่งในผู้นำในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบต่างๆ ทั้งความงามและสุขภาพ และมีความพร้อมด้านโรงสกัด รวมทั้งห้องปฏิบัติการ (LAB) ซึ่งผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017 รวมถึงยังได้การรับรองมาตรฐาน ISO22000:2018 (ระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร) และ ISO 14001 : 2015 (ระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม) และมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่คอยค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาสารสกัดพืชสมุนไพร รวมถึงการพัฒนากระบวนการสกัด ออกแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ๆ ดังนั้นจากจุดแข็งดังกล่าวจึงทำให้สามารถต่อยอดไลน์สกัดกัญชงเข้ากับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้อย่างลงตัว

ล่าสุด บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำเร็จ (Finished product) กับ บริษัท เจเคเอ็น เฮลท์ แอนด์ บิวตี้ จำกัด (ภายใต้บริษัทในเครือ JKN) เพื่อพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากกัญชงร่วมกัน โดยความร่วมมือในครั้งนี้ DOD จะวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ จำนวน 10 ผลิตภัณฑ์ ให้บริษัท เจเคเอ็น เฮลท์ แอนด์ บิวตี้ จำกัด ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถเริ่มทยอยส่งมอบทันภายในปีนี้ พร้อมทั้งเชื่อว่าผลิตภัณฑ์นี้จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้เป็นอย่างดี

โดยผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย 1) Dietary supplement product for joint health : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยดูแลข้อเข่าลดการอักเสบบริเวณข้อเข่า 2) dietary supplement product for sleep and relax :  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยในการนอนหลับและคลายเครียด 3) Dietary supplement product for cognitive brain : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงสมอง ลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์  4) Hemp Seed oil Protein : โปรตีนจากเมล็ดกัญชง ให้กรดอะมิโนที่ครบถ้วนเหมาะการควบคุมน้ำหนัก 5) Jelly for brain : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมองในรูปแบบเจลลี่

6) Oil for holistic health : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบซอฟเจล ช่วยลดโอกาสในการเกิด ความดัน ไขมัน เบาหวาน 7) Probiotic for adult plus omega oil : ผลิตภัณฑ์โพรไปโอติค เพื่อสร้างสมดุลระบบลำไส้ และระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ 8) Hemp Instant Tea : ชาสำเร็จรูปจากกัญชง ช่วยผ่อนคลาย  9) Instant coffee plus omega oil : กาแฟสำเร็จรูปเพิ่มโอเมก้า ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง และ 10) Oil shot for sport performance : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับนักกีฬาลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ

ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นการต่อยอดระหว่างสองบริษัท ภายใต้การเป็น Strategic Partner ร่วมกัน ทั้งคิดค้นพัฒนาสูตร การสกัดเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์  รวมถึงการจำหน่าย โดยเชื่อว่าด้วยจุดเด่นความแข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัทจะช่วยผลักดันให้มูลค่าการตลาดทั้งในส่วนของ ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้บริโภค เติบโตไปพร้อมๆกัน

“ที่ผ่านมา DOD มีการศึกษาและวิจัยเรื่องกัญชง ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มาโดยตลอด ประกอบกับบริษัทฯมีทีมวิจัยในการวางแผนคิดค้นสูตร เพื่อนำสารสกัดจากกัญชง มาพัฒนาและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งวันนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของ DOD ในการร่วมพัฒนาสูตร เพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์ให้กับทางบริษัท เจเคเอ็น เฮลท์ แอนด์ บิวตี้ จำกัด ดังนั้นเชื่อว่าความร่วมมือระหว่าง 2 บริษัทมหาชนในครั้งนี้ จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ DOD และ JKN ในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ” นายธนิน กล่าว

ด้านนางสาวสุวารินทร์ ก้อนทอง ในฐานะกรรมการ บริษัท สยาม เฮอเบล เทค จำกัด(ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค) กล่าวว่า บริษัท สยาม เฮอเบล เทค จำกัด ได้รับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงจากต่างประเทศ จากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มแรกเพียงรายเดียว ที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์ดังกล่าว

ส่งผลให้มีกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้ประกอบการทั่วไปกว่า 20 ราย เข้ามาเจรจาเพื่อหารือในการพัฒนาและคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชงภายใต้การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาและคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ กลุ่มเครื่องสำอาง รวมถึงมีการติดต่อในการขอซื้อเมล็ดพันธุ์กัญชงไปปลูก เพื่อนำสารสกัดไปประกอบการในเชิงพาณิชย์