บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมแกร่งธุรกิจในประเทศไทยที่มีอย่างยาวนาน พร้อมสนับสนุนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2021 ด้วยการเปิดตัว ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้บริหารชาวไทยมากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่และเป็นคนไทยคนแรก ภายใต้การนำธุรกิจของอาเบล
อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หัวเว่ยมีเป้าหมายที่จะเสริมการเติบโตทางธุรกิจของเราในปี 2021 นี้ด้วยการเสริมทัพทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมการแต่งตั้ง ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ซึ่งมีภาวะผู้นำและมีภูมิหลังในอุตสาหกรรมไอซีทีทั้งในระดับโลกและระดับประเทศอย่างมากมาย ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า ดร.ชวพล จะสามารถใช้ประสบการณ์ที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรม มาเสริมศักยภาพเพื่อการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ของหัวเว่ย ประเทศไทย”
ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยถึงบทบาทใหม่ในครั้งนี้ว่า “หัวเว่ย ประเทศไทย ถือเป็นบริษัทด้านไอซีทีชั้นนำระดับโลกที่มีความแข็งแกร่งในด้านเทคโนโลยีและบริการที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ตำแหน่งใหม่ที่ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) นี้จะเปิดโอกาสที่ดียิ่งในการนำประสบการณ์ตลอด 27 ปีที่ผ่านมา ในระดับนานาชาติและระดับประเทศในธุรกิจไอซีที มาร่วมเสริมสร้างมูลค่าทางธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่หัวเว่ย”
ประเทศไทยมีศักยภาพการเติบโตในระดับภูมิภาคที่สูงมาก และหัวเว่ยยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย และสนับสนุนประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นประเทศอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างเต็มรูปแบบ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของหัวเว่ยที่ต้องการนำนวัตกรรมดิจิทัลไปสู่ทุกคน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร การผสมผสานศักยภาพของผู้บริหารระดับสูงระหว่าง อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร และ ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการคนใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของหัวเว่ยในประเทศไทย รวมทั้งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยอีกด้วย
“ดร. ชวพลจะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในแต่ละภาคส่วนของหัวเว่ย ประเทศไทย เสริมแกร่งจุดยืนของเราในฐานะที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกด้วยสินค้าและบริการโซลูชันแบบครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่ตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้าได้ในทุกรูปแบบ” อาเบล เติ้ง กล่าวสรุป
หนึ่งในความมุ่งมั่นของหัวเว่ยคือการเติบโตไปพร้อมกับประเทศไทยรวมทั้งให้การสนับสนุนด้านนวัตกรรมแก่ประเทศให้มากยิ่งขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ หัวเว่ย ได้รับรางวัลพิเศษ “พีเอ็ม ดิจิทัล อวอร์ด (PM’s Digital Awards) ประเภท “Digital International Corporation of the Year” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับจากรัฐบาลไทยต่อความตั้งใจอย่างต่อเนื่องของหัวเว่ยที่ช่วยสนับสนุนประเทศไทยมาตลอด 21 ปี ทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันว่าหัวเว่ยเป็นพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีและไอซีทีชั้นนำที่มีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ หัวเว่ยยังสนับสนุนผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศไทยสร้างสถานีฐาน 5G ทั่วประเทศรวมกว่า 10,000 แห่ง และจะยังเดินหน้าสนับสนุนผู้ให้บริการเครือข่ายสร้างโครงข่าย 5G อย่างต่อเนื่องในปีนี้ เพื่อรองรับอัตราการเข้าถึง 5G ในประเทศที่น่าจะสูงถึง 10% ภายในช่วงสิ้นปี ในด้านคลาวด์สำหรับตลาดประเทศไทย หัวเว่ยจะลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งที่สามสำหรับการให้บริการคลาวด์ในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2564 คิดเป็นงบประมาณการลงทุนกว่า 700 ล้านบาท และจะจับมือร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อเปิดตัวแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งโครงการเหล่านี้ของหัวเว่ยจะช่วยส่งเสริมประเทศไทยในการก้าวขึ้นเป็นดิจิทัลฮับแห่งภูมิภาค รวมทั้งเร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในประเทศ