บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ เคพีไอ (KPI) บริษัทประกันวินาศภัยในเครือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจในปี 2564 วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เน้นพัฒนาศักยภาพบุคลากร พัฒนาแผนผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมผสานเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้ปรับเข้ากับการทำงานในยุคดิจิทัล เพื่อนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในแต่ละบุคคลและช่วงวัยได้อย่างครอบคลุม เคพีไอ ชูสามกลยุทธ์ปรับแนวคิดการดำเนินธุรกิจ ตั้งเป้าโตสองเท่าภายในปี 2567
ด้วยนโยบายในการทำธุรกิจของ เคพีไอ ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยการศึกษาข้อมูลผู้บริโภค ข้อมูลตลาด เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างสรรค์บริการที่ตอบโจทย์และสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าและคู่ค้าในยุคปัจจุบันที่สังคมดิจิทัลเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ด้วยบทบาทของบริษัทประกันภัยที่พร้อมจะเป็นที่ปรึกษาที่ดี ในการสร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิตแบบยั่งยืน ในปี 2564 นี้ เคพีไอ พร้อมต่อยอดการดำเนินธุรกิจด้วยสามกลยุทธ์หลัก ที่นำมาใช้พัฒนาแบบองค์รวม ทั้งในด้านบุคลากร การออกแบบผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคล และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ในการพัฒนาขั้นตอนการทำงาน เพื่อสร้างประสบการณ์การให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และราบรื่นที่สุดให้แก่ลูกค้าในยุคปัจจุบัน
ดร. พงษ์ภาณุ ดำรงศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธุรกิจล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในรอบปีที่ผ่านมา ทำให้มีผลต่อความต้องการแบบใหม่ ๆ ของผู้บริโภคเกิดขึ้น เคพีไอ จึงเห็นโอกาสและให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า ความต้องการบวกกับไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบัน รวมถึงการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็นรูปแบบดิจิทัลมากที่สุด และการให้ความสำคัญกับบุคลากรในการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นไปตามแผน ด้วยการพัฒนาทักษะความรู้ ความสามารถของบุคลากรในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ การนำมาใช้ การพัฒนาทางความคิดสร้างสรรค์ และอื่น ๆ ที่จะส่งผลในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าให้ดีที่สุด”
“การลงทุนในด้านเทคโนโลยีถือเป็นการยกระดับการให้บริการที่ตอบโจทย์ในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงหรือเป็นไปตามความต้องการของแต่ะละบุคคลมากยิ่งขึ้น อาทิ การพัฒนาระบบการเคลมสินไหมรถยนต์ให้อยู่บนระบบฐานข้อมูลแบบดิจิทัล รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการออกแบบขั้นตอนและแก้ปัญหาการให้บริการให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ตลอดจนการนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มให้ได้มากที่สุด” ดร. พงษ์ภาณุ กล่าวเสริม
เคพีไอ ได้ให้ความสำคัญกับระบบการทำงานในยุคดิจิทัลและการพัฒนาบุคลากรให้สามารถรู้เท่าทันและเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้มากยิ่งขึ้น เพื่อนำมาปรับใช้ในการต่อยอดทักษะการให้บริการ ตลอดจนเสริมทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังรวมถึงการเสริมทักษะการบริหารจัดการอารมณ์เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์หลังการขายที่ดีที่สุด รวมถึงความสามารถในการให้ข้อมูลและคำปรึกษาที่ถูกต้องแม่นยำแก่ลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ผ่านแนวคิด 24/7 โดยถือหลักการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (customer centric) ตามความสะดวกและความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ
ล่าสุด เคพีไอ ได้มีการปรับรูปแบบการออกผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน โดยเน้นเรื่องความต้องการแบบเฉพาะ อาทิ การคิดค้นผลิตภัณฑ์สำหรับธุรกิจ SME Online ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงวัย อย่าง “แผนประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แบบพิเศษ รุ่นใหญ่ ใจเก๋า” เพื่อสนับสนุนให้ผู้สูงวัยมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองและพร้อมที่จะออกไปใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เพราะแผนประกันภัยรถยนต์ “รุ่นใหญ่ ใจเก๋า” พร้อมดูแลให้ด้วยบริการเสริมพิเศษบริการอุบัติเหตุและสุขภาพ การโจรกรรมทรัพย์สิน บริการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ Telemedicine และบริการเสริมพิเศษอื่น ๆ อาทิ บริการรถยกฉุกเฉิน บริการรถพยาบาลนำส่งผู้ขับขี่สูงวัยจากจุดเกิดเหตุถึงโรงพยาบาล บริการขับรถรับ-ส่งอู่ซ่อมตามประสงค์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปจากการนำระบบหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในการทำงานเกี่ยวกับไซเบอร์ เป็นต้น
เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขันและก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายของรัฐบาล เคพีไอ ได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่มาพัฒนาเพื่อปรับกับระบบการทำงานในแต่ละขั้นตอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ การเก็บข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้สะดวกรวดเร็วในการให้บริการ การจัดการข้อมูลและนำข้อมูลมาวิเคราะห์ต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความแม่นยำและการลดขั้นตอนการทำงานของพนักงาน เพื่อมอบบริการที่น่าประทับใจให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด เช่น การพัฒนาระบบรับแจ้งอุบัติเหตุแบบศูนย์รวมและสามารถดูข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ตั้งแต่การรับแจ้งอุบัติเหตุ การสำรวจภัย การประเมินราคา การตรวจสอบอะไหล่และการจัดซ่อม โดยข้อมูลในฐานข้อมูลทั้งหมดจะเชื่อมต่ออยู่บนฐานข้อมูลเดียวกันทั้งหมด ซึ่งทำให้ง่ายต่อการให้บริการลูกค้า และสามารถจัดการการเคลมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยระบบใหม่นี้จะพร้อมใช้งานในเดือนพฤษภาคม 2564 ที่จะถึงนี้
เคพีไอ ในฐานะบริษัทประกันวินาศภัยสัญชาติไทย ที่ได้ทำหน้าที่ดูแลและให้ความคุ้มครองกับลูกค้าชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 68 ปี ล่าสุดข้อมูลอ้างอิงสรุป ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 ได้เผยให้เห็นว่าบริษัทมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 11,109 ล้านบาท และรายได้ในส่วนของเบี้ยประกันรับรวมที่ 2,916 ล้านบาท
“เคพีไอ ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ที่ก่อให้เกิดทั้งความท้าทายและโอกาสในธุรกิจประกันวินาศภัยที่ยังเติบโตได้อีกมาก และด้วยผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจอันเกิดจากโควิด-19 ก็ถือได้ว่าเป็นโจทย์ใหม่ที่ท้าทายบริษัทฯ มากที่จะต้องเร่งปรับตัวและปรับกลยุทธ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อพร้อมแข่งขันในตลาดที่มีความหลากหลายและมีสิ่งใหม่ ๆ เทรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับองค์กรปรับพนักงานของเรา ให้พร้อมกับการเปลี่ยนผ่านให้เข้าถึงสังคมในยุคนี้ให้เร็วที่สุด การนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจองค์กรและบุคลากร รวมถึงการพัฒนาช่องทางการขาย การพัฒนาความสัมพันธ์กับคู่ค้าใหม่ ๆ การพร้อมรับมือกับสังคมผู้สูงวัย รวมถึงการให้ความสำคัญกับสังคมสิ่งแวดล้อมและการจัดการอย่างยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดนี้ เคพีไอ ได้ให้ความสำคัญและนำมาร่วมในการตีโจทย์ เพื่อกำหนดแนวทางในการขยายธุรกิจ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อจากนี้ ” ดร. พงษ์ภาณุ กล่าวสรุป