แกร็บ ประเทศไทย จัดกิจกรรม “Grab รวมใจ…พาแท็กซี่ไทยฝ่าโควิด” เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการวางแผนทางการเงินให้กับกลุ่มคนขับแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผ่านการจัดบรรยายให้ความรู้ พร้อมเสริมทักษะในด้านต่างๆ ทั้งการใช้แอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้โดยสาร การวางแผนการเงินส่วนบุคคลเบื้องต้น การออมเงินเพื่อเตรียมรับกับวัยเกษียณ รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับประกันสังคมมาตรา 40 ณ สโมสรทหารบก
ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย “ปฎิเสธไม่ได้ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ไม่เฉพาะแต่ในด้านการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ยังรวมถึงภาคเศรษฐกิจโดยรวมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเดินทางและการท่องเที่ยว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ กลุ่มคนขับแท็กซี่ ที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการหาเลี้ยงชีพจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงเนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ รวมทั้งการหายไปของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากนโยบายการจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดน ในขณะที่ทุกคนอยู่ระหว่างการรอคอยวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 และการเปิดประเทศอย่างเต็มที่เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวนั้น การปรับตัวและการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนเพื่อให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลด้วย”
“ทั้งนี้ แกร็บเชื่อมั่นว่าการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีหรือแอปพลิเคชันถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้คนขับแท็กซี่เพิ่มโอกาสในการหารายได้ เนื่องจากสามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ระบุว่า 99% ของคนขับแท็กซี่ที่เคยใช้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถยืนยันว่าช่วยให้เข้าถึงลูกค้าและทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน ประเทศไทยมีคนขับแท็กซี่อยู่ราว 80,000 คันทั่วประเทศ แต่มีคนขับจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและไม่เคยใช้แอปพลิเคชันเรียกรถ ดังนั้น แกร็บจึงได้จัดกิจกรรม ‘Grab รวมใจ…พาแท็กซี่ไทยฝ่าโควิด’ ครั้งนี้ขึ้นเพื่อเป็นโอกาสในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล รวมไปถึงการให้ความรู้ด้านการวางแผนทางการเงินให้กับคนขับแท็กซี่ ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจในการดำเนินธุรกิจของแกร็บที่เรียกว่า ‘GrabForGood’ ที่ต้องการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิต โดยมุ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาทักษะและเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันเพื่อให้ทุกคนสามารถก้าวทันเศรษฐกิจดิจิทัลได้”
งาน “Grab รวมใจ…พาแท็กซี่ไทยฝ่าโควิด” มีคนขับแท็กซี่กว่า 200 รายให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม ทั้งจากสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ สมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย สภาวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะไทยสมาคม เครือข่ายชมรมผู้ขับแท็กซี่ 4.0 และ ชมรมแท็กซี่ไทยพัฒนา ซึ่งมีสมาชิกรวมทั้งสิ้นกว่า 4 -5,000 คัน โดยได้รับฟังการบรรยายความรู้ พร้อมเสริมทักษะในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแอปพลิเคชันเรียกรถเพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้โดยสาร โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำการทดลองใช้แอปพลิเคชันอย่างใกล้ชิด ความรู้เบื้องต้นในการบริหารการเงินส่วนบุคคลภายใต้คอนเซ็ปต์ “หา ใช้ ออม” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากแกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งได้มาบรรยายถึงการวางแผนการเงินตามแนวทางของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ของพาร์ทเนอร์คนขับ
นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นายกฤษฏ์ รอดประชา ผู้ช่วยเลขาธิการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งมาแนะนำการวางแผนการออมเงินเพื่อเตรียมรับกับชีวิตหลังเกษียณสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระกับ กอช. โดยสามารถส่งเงินออมขั้นต่ำเพียง 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี ขณะที่ นางสาวแสงจันทร์ สุนา เจ้าหน้าที่ประกันสังคม จากกองทุนประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้มาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับการประกันสังคมมาตรา 40 สำหรับกลุ่มแรงงานนอกระบบที่สนใจเป็นผู้ประกันตนอิสระ เพื่อให้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐาน เช่น เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ และสงเคราะห์บุตร เป็นต้น
นายสุวรรณ อ้นสังฆ์ สมาชิกคนขับจากสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ กล่าวว่า “วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ส่งผลกระทบกับการหาเลี้ยงชีพของคนขับแท็กซี่อย่างที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ผมคิดว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างโอกาสให้คนขับแท็กซี่ได้เรียนรู้และปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยี โดยเฉพาะที่เราต้องการเข้าถึงผู้โดยสารมากขึ้นกว่าเดิม นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้กับทุกคน แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อการทำมาหาเลี้ยงชีพในยุคปัจจุบัน ส่งผลต่อการสร้างรายได้หรือการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างแอปพลิเคชันเรียกรถก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่เพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้กับคนขับแท็กซี่ อย่างระบบ AI ที่ช่วยจับคู่คนขับรถกับผู้โดยสารที่ต้องการเรียกรถ ทำให้คนขับแท็กซี่ไม่ต้องขับวนไปเรื่อยๆ เพื่อหาผู้โดยสารที่โบกเรียกตามท้องถนน ระบบ GPS ที่ช่วยแนะนำเส้นทาง ทำให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการจราจรติดขัดและพาผู้โดยสารไปถึงที่หมายได้รวดเร็วขึ้น หรือเทคโนโลยีแปลภาษา ที่ช่วยให้คนขับสามารถสื่อสารกับผู้โดยสารต่างชาติได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ การรับงานผ่านแอปพลิเคชันเรียกรถยังทำให้คนขับแท็กซี่ได้รับเอกสารรับรองรายได้จากผู้ให้บริการ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินได้อีกด้วย”
นายคมกริช กันถัด สมาชิกคนขับจากสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย กล่าวว่า “นอกจากคนขับแท็กซี่ที่มาร่วมงานนี้จะได้เปิดมุมมองใหม่และพัฒนาศักยภาพในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลแล้ว ยังถือเป็นโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้เรื่องการวางแผนทางการเงิน การออมเงิน รวมถึงการประกันสังคม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากกับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ทำให้สามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างเป็นระบบมากขึ้นเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดฝันในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกฤติ รวมทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างไม่ประมาท”