ภาพลักษณ์ใหม่ ทีม “สนั่น” ประธานหอการค้าคนที่ 25 ชูนโยบาย “Connect the dots” ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยใน 99 วัน

????????????????????????????????????
  • สนั่น อังอุบลกุล ชูนโยบาย ‘Connect the Dots’ ตั้งเป้าหมาย ‘การฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใน 99 วันแรก’ เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่น แก้ปัญหาระยะสั้น ทั้งการจ้างงานและปัญหาผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ขณะเดียวกันก็ปูรากฐานไปสู่การฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
  • ญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการบริหารหอการค้าไทย เสนอแผน“ฮักไทย” สนับสนุนให้คนไทย นักท่องเที่ยว และนักธุรกิจชาวต่างชาติ ใช้ของไทย กินของไทย และเที่ยวเมืองไทยคาดว่าจะมีมูลค่าเท่ากับ 4 ล้านล้านบาท โดยคำนวนจากเม็ดเงินหมุนเวียนการบริโภคภาคเอกชนซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 5.6 ล้านล้านบาท ในปี 2563
  • ขานรับนโยบาย “แซนด์บ็อกซ์ภูเก็ต” เพื่อเป็นต้นแบบการเปิดประเทศ ผ่าน โครงการ “ฮักไทย ฮักภูเก็ต” (Hug Thais Hug Phuket)

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยคนใหม่ เปิดเผยว่า หอการค้าไทยจัดประชุมใหญ่สามัญสมาชิก ครั้งที่ 55 พร้อมเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ โดยตนได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทย คนที่ 25 ต่อจากนายกลินท์ สารสิน โดย คณะกรรมการชุดใหม่มีนโยบาย ‘Connect the Dots’ โดยชูหอการค้าให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อมุ่งยกระดับเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยยึดแนวทางที่หอการค้าไทยเคยดำเนินงานมา โดยเล็งเห็นว่า แม้เศรษฐกิจไทยจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วแต่ก็ยังมีปัญหาอีกมากรออยู่ ดังนั้น จึงตั้งเป้าหมาย ‘การฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใน 99 วันแรก’ เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่น แก้ปัญหาระยะสั้น ทั้งการจ้างงานและปัญหาผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ขณะเดียวกันก็ปูรากฐานไปสู่การฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

การที่จะเดินเกมการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้ทรัพยากรที่มีจำกัดนั้น ประเทศไทยต้องมีการจัดลำดับความสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งเราได้จัดประเด็นเร่งด่วนและสำคัญสำหรับดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 99 วันแรกของการทำงาน คือ

  • เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ โดยภาคเอกชนพร้อม

จับมือกันช่วยภาครัฐในเรื่องการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อป็นการกระตุ้นให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาเดินได้อย่างรวดเร็ว

นายสนั่น กล่าวว่า การฉีดวัคซีนให้ประชาชน และการเจรจากับประเทศต่างๆ รวมถึงการทำ ใบรับรองการฉีดวัคซีนซึ่ง สิ่งที่จำเป็นในการเปิดประเทศ โดยภาคเอกชนพร้อมสนับสนุนรัฐบาลตามความเชี่ยวชาญของภาคเอกชน เช่น การหาวัคซีน การนำเข้าวัคซีน การวางแผนร่วมกันในการสำรวจความต้องการที่จะฉีดวัคซีนให้กับสมาชิกเพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐ โดยพร้อมที่จะสนับสนุนการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง ทั้งการขนส่ง การหาสถานที่ในการฉีด ตู้เย็นการจัดเก็บวัคซีน การช่วยประชาสัมพันธ์ จัดหาบุคคลกรให้เพียงพอ รวมถึงบริษัทที่มีความพร้อมก็มีการเสนอแนวทาง Buy 1 Give 1 ซึ่งเป็นการที่ฉีดวัคซีนให้พนักงานตัวเอง 1 Dose แล้วพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนให้ฉีดแก่ประชาชน อีก 1 Dose เป็นต้น

  • เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ด้วย Digital Transformation เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เนื่องจากการช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีลดต้นทุนและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของหอการค้าไทยในช่วง 99 วันแรก ดังนั้น หอการค้าไทยจึงให้การสนับสนุนโครงการใหม่เพื่อเสริมสภาพคล่องและช่องทางการค้าขายให้กับเอสเอ็มอี โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่กับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่จะทำหน้าที่ช่วยคัดกรองและให้ข้อมูลลูกค้าเอสเอ็มอีที่เป็นผู้เช่าพื้นที่ รวมถึงเป็นซัพพลายเออร์  กับธนาคารพาณิชย์ เพื่อช่วยให้การพิจารณาเครดิตเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเพิ่มการเข้าถึงสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอีเหล่านั้นที่มีหลายแสนรายทั่วประเทศ บนความคาดหวังว่าจะช่วยให้กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของไวรัสโควิดเหล่านี้ สามารถก้าวผ่านสถานการณ์ที่ซับซ้อนไปด้วยกัน

นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการบริหารหอการค้าไทยกล่าวเสริมว่า การกระตุ้นให้ใช้สินค้าไทยและการท่องเที่ยวในกลุ่มคนไทยและต่างชาติเป็นสิ่งที่จำเป็น และหอการค้าไทยมีแผนเพื่อช่วยผู้ประกอบการSMEs ไทย กระตุ้นให้มีการใช้สินค้าไทย ผ่านโครงการ “ฮักไทย” (Hug Thais) คือสนับสนุนให้ใช้ของไทย กินของไทย และเที่ยวเมืองไทย และจะร่วมมือกับภาคเอกชนเสนอสิทธิพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติแบบ “Long Stay”  ยิ่งอยู่นาน ยิ่งได้สิทธิพิเศษเพิ่ม พร้อมเชิญชวนให้เที่ยวประเทศไทยเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย

โครงการ “ฮักไทย” สำหรับคนไทยเป็นโครงการที่ส่งเสริมสินค้าแบรนด์ไทย หรือ วัสดุไทย หรือ สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย รวมไปถึง Software หรือ Platform ที่พัฒนาโดยคนไทย เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศโดยการสร้าง “ฮักไทย” ให้เป็นสัญญลักษณ์สำหรับทุกจังหวัด เพื่อเป็นการรวมสินค้าชุมชน เป็นการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้มีชื่อเสียงทั่วโลก โดยกลุ่มการค้าและบริการ หอการค้าไทย จะช่วยหาพื้นที่และช่องทางออนไลน์ในการจัดจำหน่ายสินค้า “ฮักไทย” และ เสนอภาครัฐให้รวมสินค้าฮักไทยเข้าในระบบจัดซื้อจัดจ้าง และเข้าร่วมทุกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐพร้อมทั้งกระตุ้นให้ส่วนงานราชการและบริษัทต่างๆ จัดงานสัมมนาและประชุมในประเทศ และโรดโชว์ไปทุกจังหวัด

โดยหอการค้าไทยขานรับแผนเปิดภูเก็ตของรัฐบาลในวันที่ 1 กรกฎาคม ศกนี้กลุ่มการค้าและบริการขานรับนโยบาย “แซนด์บ็อกซ์ภูเก็ต” เพื่อเป็นต้นแบบการเปิดประเทศ ผ่าน โครงการ “ฮักไทย ฮักภูเก็ต” (Hug Thais Hug Phuket) สำหรับคนไทยและต่างชาติ มากิน เที่ยว และอุดหนุนสินค้าไทยในจังหวัดภูเก็ตนอกจากนี้ยังเสนอให้มีการ Work from Phuket สำหรับนักธุรกิจชาวต่างชาติ พร้อมรับสิทธิพิเศษเพิ่มจากร้านค้า และ บริการต่างๆ เพียงแสดง Vaccine Passport

หากมีการดำเนินการในโครงการ “ฮักไทย” จะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าเท่ากับ 4 ล้านล้านบาท โดยคำนวนจากเม็ดเงินหมุนเวียนการบริโภคภาคเอกชนซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 5.6 ล้านล้านบาท ในปี 2563

นอกจากนี้ หอการค้าจะเสนอให้ภาครัฐสร้างความมั่นใจให้เกิดการใช้จ่ายด้วยแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง โดยยกระดับโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ให้เป็น “ยิ่งใช้ยิ่งได้คืน” โดยให้ลดหย่อนภาษีได้ถึง 100,000 บาท (จากเดิม 30,000 บาท) พร้อมกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่องภายใต้มาตรฐานการค้าที่เป็นธรรมเกิดการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการพัฒนาภาคการค้าและบริการ  โดยเฉพาะทางด้าน Ecommerce เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทย

  • แก้ไขกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้สะดวก
    (Ease of Doing Business) เพื่อช่วยให้ ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจได้สะดวก จากการที่ หอการค้าไทยได้มีส่วนร่วมในการเป็นคณะกรรมการปฏิรูปเศรษฐกิจร่วมกับรัฐบาลนั้น เช่น สภาพัฒน์ สสว และกระทรวงต่างๆ โดยได้มีการจัดลำดับทั้งโครงการและกฎหมายที่จะแก้ไขเร่งด่วนแล้ว เพื่อให้ประเทศไทยได้มีการปรับโครงสร้างเพื่อการเติบโตในอนาคต

นายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่าเป้าหมายจะกฎหมาย
ที่ของหอการค้าฯที่เสนอให้ปรับปรุงภายใน 99 วันคือ การปรับปรุงหลักเกณฑ์ของคนเข้าเมืองโดยเฉพาะแรงงานต่างชาติที่มีฝีมือ การทบทวนการลดหรือเลิกขอใบอนุญาต และการเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการที่มีความซ้ำซ้อนในหลายใบอนุญาต รวมถึงปรับปรุงและพัฒนากฎหมายในลักษณะของกลุ่มธุรกิจ เช่น การท่องเที่ยว หรือ MICE โดยหอการค้าฯจะ Connect หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐและเอกชนทำงานเป็นทีม เพื่อเชื่อมให้ประเทศไทยพร้อมจะก้าวไปสู่อนาคตได้ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นายสนั่น มั่นใจว่า ประเทศไทยจะสามารถบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ข้อได้ ภายใน 99 วัน โดย หอการค้าไทยจะนำแนวทางการทำงาน แบบ Connect the dots เชื่อมคนที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน ทำงานแบบวัดผลได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดย สร้างความเชื่อมั่น ร่วมกันสร้างสรรค์ และช่วยกันผลักดัน ให้ภารกิจที่วางไว้สามารถสำเร็จได้

ทั้งนี้เพื่อสะท้อนความเห็นที่หลากหลาย เพื่อนำมาต่อยอดการพัฒนาประเทศได้อย่างรอบด้านมากขึ้น หอการค้าไทยนำโดยคุณสนั่นจะมีการเปิดรับฟังความเห็นให้กว้างมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ โดยจะเปิดรายการ Clubhouse ของคนการค้า ในวันอังคารที่ 30 มีนาคม นี้ เวลา 20.00 โดยจะมาร่วมหารือในหัวข้อ รวมพล “คนรุ่นใหม่” ร่วมหอการค้าไทยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ

“หอการค้าไทยเล็งเห็นเสมอว่าทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส หลังจากนี้หอการค้าไทยจะเป็นแกนนำในการ Connect the Dots หารือกับทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยให้กลับมาเข้มแข็งได้โดยเร็ว” นายสนั่น กล่าวทิ้งท้าย