‘J&T Express’ บริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ของอินโดนีเซีย เร่งการเติบโตไปอีกขั้น เตรียมเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ คาดเกิดขึ้นช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ประเมินระดมทุนได้ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์
Bloomberg รายงานโดยอ้างเเหล่งข่าวว่า J&T Express กำลังทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อยื่นเสนอขายหุ้น IPO ในตลาดสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
เบื้องต้นมีการประเมินว่า การขาย IPO ครั้งนี้ จะระดมทุนได้ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.1 หมื่นล้านบาท) ซึ่งจะทำให้มูลค่าบริษัทของ J&T Express เพิ่มขึ้นไปเเตะ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.56 เเสนล้านบาท)
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า J&T Express กำลังจะมีการ ‘ระดมทุนรอบใหม่’ หลังเพิ่งระดมทุนได้ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.4 พันล้านบาท) ไปเมื่อไม่นานมานี้
โดยการเสนอขายหุ้น IPO ของ J&T Express ในตลาดนิวยอร์กครั้งนี้ ถือเป็นการท้าชิงตำแหน่งเเชมป์ของบริษัทอินโดนีเซียที่สามารถระดุมทุนได้มากที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กับ ‘PT Indosat’ โทรคมนาคมรายใหญ่ ที่เคยขาย IPO ได้ราว 1.05 พันล้านดอลลาร์ มาตั้งเเต่ปี 1994
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดและไทม์ไลน์ของการเสนอขายหุ้น IPO ของ J&T Express อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งทางบริษัทยังปฎิเสธที่จะให้ความคิดเห็นต่อข่าวนี้
สำหรับ J&T Express ก่อตั้งในปี 2015 โดยสองผู้บริหารอย่าง Jet Lee เเละ Tony Chen ให้บริการธุรกิจโลจิสติกส์ในอินโดนีเซีย ต่อมาขยายไปในประเทศเเถบอาเซียนอย่าง มาเลเซีย เวียดนาม ไทย สิงคโปร์ กัมพูชา และจีน มีพนักงานมากกว่า 350,000 คน เเละมีผู้ใช้บริการมากกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลก
ที่ผ่านมา บริษัทมีการถึงร่วมมือเป็นพันธมิตรกับอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่ๆ ของอินโดนีเซียอย่าง PT Tokopedia และ Bukalapak.com รวมถึง Shopee ของสิงคโปร์
ดีมานด์ของธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้า เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 เมื่อผู้บริโภคหันมาช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้บริการขนส่งเติบโตตามไปด้วย
สำหรับในประเทศไทยนั้น J&T Express เข้ามาเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2019 โปรโมตด้วย ‘Entertainment Marketing’ โดยเลือกนักเเสดงชื่อดังอย่าง ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกพร้อมกลยุทธ์การขึ้นป้ายหน้าร้านสาขา
โดยบริษัทได้ลงทุนในไทยไปแล้วราว 6,000 ล้านบาท เเละในปี 2564 มีเเผนจะลงทุนเพิ่มอีกราว 3,000 ล้านบาท ในด้านเทคโนโลยีการคัดแยก ยานพาหนะ และพนักงาน
ที่มา : Bloomberg