HP ออล-อิน-วัน IT ยุคนี้ต้อง “สวยเสร็จพร้อมใช้”

ตลาดพีซีและโน้ตบุ๊กอาจจะดูเงียบเหงาไปบ้างในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ทั้ง GFK และ IDC ก็ถึงกับคาดการณ์กันไม่ถูกว่าผลกระทบจากน้ำท่วมจะส่งผลต่อยอดขายในปลายปีนี้อย่างไร

แต่สำหรับบริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด (HP) กำลังสนุกกับการแตกเซ็กเมนต์ใหม่ในกลุ่มสินค้าคอมพิวเตอร์ ต่างจากแบรนด์อื่นที่ประคองยอดขายไปเรื่อยๆ ซึ่ง พงศ์ธวัช พิเชฐเลอมานวงศ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด บอกว่า การเติบโตของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบ All-in-One (AIO) ของเอชพีที่เพิ่งเปิดเซ็กเมนต์นี้เมื่อปี 2550 กลับมียอดเติบโตถึง 200% ในปีนี้ จนทำให้เอชพีต้องออกมาเปิดตัวซับแบรนด์ใหม่เพื่อส่งสินค้าลงตลาดให้เข้าถึงลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนขึ้น

“วันนี้เป็นวันแรกที่เราเปิดตัว HP OMNI ซึ่งถือเป็นซับแบรนด์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AIO” พงศ์ธวัชประกาศในงานเปิดตัว HP OMNI100 PC เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา

หน้าที่ของเอชพีออมนิ เป็นซับแบรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาเติมเต็มตลาดระดับกลาง ในกลุ่ม AIO ซึ่งเอชพีเลือกเปิดตัวครั้งแรกด้วยแบรนด์ HP Touchsmart ซึ่งเน้นกลุ่มระดับบน ด้วยราคาเปิดตัวสูงถึง 4-5 หมื่นบาทในช่วงปีแรกๆ ก่อนจะลดลงมาเหลือประมาณ 3 หมื่นกว่าบาทในปัจจุบัน และตามมาด้วยแบรนด์ HP Pavillion สำหรับกลุ่ม Mid-Low และแบรนด์ Compaq สำหรับกลุ่ม Price Sensitive และต้องการ Performance ของเครื่องแค่ระดับหนึ่ง

ปีแรกที่เปิดตัวทำตลาดเอชพีมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม AIO เพียง 2 รุ่น ผ่านไปเพียง 3 ปี ตอนนี้เอชพีมีสินค้าในกลุ่ม AIO รวมกันมากถึง 6-7 รุ่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่เอชพีพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสักตัวที่สามารถติดตั้งง่ายและใช้งานได้ทันที ขณะเดียวกันก็มีดีไซน์ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่มองคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องตกแต่งชิ้นหนึ่งภายในบ้าน

แนวคิดนี้ถือว่ามาถูกทาง เพราะจากตลาดพีซีที่ปีหนึ่งมียอดเติบโตเพียง 4-5% แต่ AIO กลับเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งในตลาดพีซีปีละ 1.4-1.5 ล้านเครื่องได้ถึง 5% และกลายเป็นเซ็กเมนต์ในกลุ่มพีซีที่มียอดเติบโตสูงถึง 200% ดังกล่าวมาแล้ว เฉพาะในพอร์ตของเอชพีเอง AIO ก็กลายเป็นกลุ่มสินค้าที่เข้ามาทำรายได้ให้กับองค์กรได้ถึง 15% จากหมวดสินค้าคอนซูเมอร์มาร์เก็ตทั้งหมดของเอชพี

แภทริยา ภัทรากร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการตลาดผลิตภัณฑ์ โฮมพีซี กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ เล่าว่า การพัฒนาไลน์ของผลิตภัณฑ์ AIO เริ่มมาตั้งวิชั่นของซีอีโอที่อยากพัฒนามอนิเตอร์ให้มีสีสัน รวมทั้งการพัฒนา Quick Web, Quick Look ต่างๆ ในฟังก์ชันการใช้ของโน้ตบุ๊กและพีซี ดังนั้นถ้ามีคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งง่ายใช้งานได้ทันทีก็ถือว่าเป็นทิศทางเดียวกัน

ฉะนั้นสำหรับเอชพีเอง จึงไม่ได้มีแค่พีซีหรือโน้ตบุ๊ก แต่ยังต้องมีพีซีแบบ AIO เพื่อออกมาตอบโจทย์ความต้องการไอทีสักชิ้นที่ “สวยเสร็จพร้อมใช้” เพราะเอชพีรู้ดีว่าถ้าอยากจะเติบโตและชิงส่วนแบ่งจากตลาดคอมพิวเตอร์ที่มีอัตราเติบโตเพียง 4-5% ต่อปีนั้น อย่างน้อยบริษัทจะต้องมีการพัฒนาไลน์ของสินค้าอยู่ตลอดเวลา และที่ลืมไม่ได้ก็คือลูกค้าทุกวันนี้ไม่ได้เลือกสินค้าแค่ราคาและการใช้งาน แต่ดีไซน์ ไลฟ์สไตล์ และความทันสมัย เป็นปัจจัยที่ผู้ผลิตต้องไม่ลืมที่จะนำเสนอไปพร้อมกับสินค้าแต่ละชิ้น

HP OMNI 100
HP OMNI เป็น Sub-brand ใหม่ของคอมพิวเตอร์ในตระกูลเอชพี
Positioning เป็นสินค้าระดับกลาง เน้นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ และดีไซน์
เป้าหมาย เข้ามาเติมช่องว่างในกลุ่มสินค้าระดับกลางจากเดิมที่มีเอชพีมีซับแบรนด์ HP Touchsmart สำหรับตลาดบน HP Pavilion สำหรับกลุ่ม Mid-Low และ Compaq สำหรับกลุ่มที่เน้นราคาซึ่งเป็นซับแบรนด์ในกลุ่ม AIO ที่เปิดตัวมาก่อน
จุดขาย ติดตั้งและใช้งานง่าย เพราะมาพร้อมซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ที่พร้อมใช้งานได้ทันที ดีไซน์โชว์ได้ มีแอพพลิเคชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานเพื่อการเชื่อมต่อกับสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กเป็นตัวชูโรง พร้อมกับโปรแกรมแต่งภาพสำหรับแต่งรูป
ราคา 20,900 บาท (ไม่รวม Vat)