บริษัทเอ็กซ์ซีจำกัด (Exzy) ผู้นำด้านการพัฒนาและให้บริการเทคโนโลยีการจัดการพื้นที่ทำงานแบบครบวงจรสำหรับองค์กรยุคใหม่พัฒนาแพลตฟอร์ม “Workplace Plus” เทคโนโลยีที่จะช่วยให้องค์กรสามารถบริหารพื้นที่สำนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพรองรับลักษณะการทำงานแบบ Hybrid Working
คุณจอมทรัพย์ สิทธิพิทยา ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์ซี จำกัด เปิดเผยว่า “สถานการณ์ COVID-19 เป็นตัวเร่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของออฟฟิศและรูปแบบการทำงาน หลายองค์กรหันมาใส่ใจและปรับรูปแบบออฟฟิศให้เป็น “Hybrid Office” กันมากขึ้น”
คุณจอมทรัพย์กล่าวต่อว่า “การทำงานในแบบ Hybrid Working องค์กรจะต้องคำนึงถึง 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) พนักงานองค์กรควรมีการกำหนดจำนวนวันทำงานระหว่างบ้านและออฟฟิศอย่างเหมาะสม 2) ออฟฟิศควรมีรอบการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีการควบคุมความหนาแน่นของพนักงานให้พอดี จัดออฟฟิศรองรับการทำ Social Distancing และ 3) เทคโนโลยีคือส่วนสำคัญที่จะเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการทั้งในส่วนของออฟฟิศและพนักงานได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น”
เอ็กซ์ซีในฐานะผู้พัฒนาและให้บริการด้านเทคโนโลยี Smart Office ให้ความเห็นว่าโซลูชันเทคโนโลยีที่ดีนั้นควรช่วยให้องค์กรบริหารจัดการพื้นที่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ควรมี 4 ฟังก์ชันที่สำคัญดังนี้
- ระบบสามารถรายงานอัตราการใช้พื้นที่อย่างละเอียดเช่นจำนวนพนักงานที่เข้ามาทำงานในแต่ละวันอัตราการใช้งานพื้นที่ในแต่ละโซนเช่นห้องประชุมหรือโต๊ะทำงานส่วนกลาง (Hot Desk) เพื่อให้องค์กรสามารถนำไปวิเคราะห์และปรับปรุงได้อย่างเหมาะสม
- ระบบสามารถบันทึกวันและเวลาการเข้าใช้งานพื้นที่ภายในออฟฟิศของพนักงานได้เมื่อเกิดกรณีที่พบผู้มีความเสี่ยงทำให้องค์กรสามารถแจ้งพนักงานในบริเวณใกล้เคียงได้ทัน
- ระบบช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของ Touchless Technology ลดการสัมผัสในพื้นที่ออฟฟิศผ่านการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี Face Recognition หรือ QR Code เพื่อใช้ในการเข้าพื้นที่บริเวณต่างๆ
- ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดสิทธิ์ของพนักงานในการเข้าถึงพื้นที่ในบริเวณต่างๆ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในพื้นที่ออฟฟิศรวมถึงตอบโจทย์ในเรื่องของ Social Distancing
Workplace Platform เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยองค์กรให้บริหารจัดการพื้นที่ทำงานในบริเวณต่างๆ อย่างครบวงจรได้แก่
- พื้นที่บริเวณต้อนรับผู้มาติดต่อ (Reception) : การนำโซลูชันเทคโนโลยีของเรามาใช้จะช่วยให้การบันทึกข้อมูลของผู้ที่เข้ามาติดต่อภายในบริษัทเป็นระบบมากยิ่งขึ้นสามารถใช้เพื่อคัดกรองความเสี่ยงของแต่ละบุคคลรวมถึงรองรับการเชื่อมต่อกับกล้องตรวจวัดอุณหภูมิและAccess Control เพื่อเพิ่มความปลอดภัยก่อนเข้าพื้นที่ด้านใน
- พื้นที่ห้องประชุม (Meeting Room) : เป็นอีกพื้นที่มีความหนาแน่นค่อนข้างสูง การนำระบบจองห้องประชุมเข้ามาใช้จะช่วยให้การบริหารห้องประชุมทั้งหมดสะดวก รวดเร็ว พนักงานสามารถเห็นตารางห้องประชุมได้อย่างชัดเจน ทำให้การวางแผนการจองห้องประชุมในแต่ละวันง่ายมากยิ่งขึ้น ลดเวลาในการเดินหาห้องประชุมและช่วยให้พื้นที่ห้องประชุมเพียงพอต่อการใช้งาน
- พื้นที่ทำงานส่วนกลาง (Collaboration Space) : จากเทรนด์ Hybrid Office หลายองค์กรเริ่มมีการเพิ่มพื้นที่โต๊ะทำงานส่วนกลางมากขึ้น และการเทคโนโลยีระบบจองโต๊ะทำงานเข้ามาบริหารจัดการ ช่วยให้พนักงานสามารถจองโต๊ะทำงานได้ก่อนเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ รวมถึงองค์กรสามารถกำหนดบริเวณการเข้าใช้พื้นที่ทำงานของพนักงานในแต่ละแผนก และกำหนดรูปแบบของโต๊ะทำงานในรูปแบบ Social Distancing เพื่อช่วยลดความหนาแน่นภายในออฟฟิศ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการนำระบบล็อกเกอร์อัจฉริยะเข้ามาใช้เพื่อใช้เก็บของต่างๆ ของพนักงาน ซึ่งระบบของเราตอบโจทย์เรื่อง Touchless Technology ลดการสัมผัสเพิ่มความปลอดภัยด้วย AI Face Recognition ควบคุมการเปิดปิดตู้ล็อคเกอร์ช่วยเติมเต็ม Hybrid Office ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
คุณจอมทรัพย์ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “โซลูชัน Workplace Plus นี้เป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้องค์กรสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาด ตอบโจทย์พื้นที่ทำงานแบบ Hybrid Office และยังสามารถใช้ Big Data ที่ได้จากในระบบนำไปพัฒนาพื้นที่ทำงานให้ดียิ่งในอนาคตก้าวเข้าสู่ยุค Next Normal ได้อย่างชาญฉลาด”
เราเชื่อว่าโซลูชันที่ดีจะช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์และความคุ้มค่าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญสำหรับออฟฟิศทั้งในยุคปัจจุบันและอนาคต
สำหรับองค์กรที่ต้องการให้บริษัทของเราเข้าไปให้คำแนะนำในเรื่องของเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการสามารถติดต่อได้ที่ www.exzy.me, Facebook: www.facebook.com/ExzyWorkplacePlus, Email: [email protected] หรือโทร 096-9595-193