‘เสียวหมี่’ ฟาดรายได้ไตรมาสแรก 1.2 หมื่นล้านเหรียญ เติบโต 55%

Photo : Shutterstock
‘เสียวหมี่’ (Xiaomi) บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของจีน ได้ออกมาเปิดเผยถึงรายได้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทได้ถูกถอดออกจาก Blacklist ของสหรัฐฯ อีกทั้งคู่แข่งอย่าง ‘หัวเว่ย’ (Huawei) ยังคงเผชิญปัญหาที่ถูกสหรัฐฯ แบน ทำให้รายได้เติบโตถึง 55%

‘เสียวหมี่’ ได้เปิดเผยถึงรายได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีว่าสามารถทำได้ถึง 7.69 หมื่นล้านหยวน (1.2 หมื่นล้านดอลลาร์) ในไตรมาสแรกซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา พุ่งขึ้น 54.7% จากระดับ 4.97 หมื่นล้านหยวนในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.47 หมื่นล้านหยวน

ขณะที่กำไรสุทธิพุ่งขึ้นถึง 164% แตะที่ 6.07 พันล้านหยวน (949 ล้านดอลลาร์) มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.97 พันล้านหยวน ทั้งนี้ รายได้ประมาณ 2 ใน 3 ของรายได้มาจากยอดขายสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นเกือบ 70% โดยยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกรวมทั้งหมด 49.4 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลก 14.1% ขึ้นแท่นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนอันดับ 3 ของโลก

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นได้แม้ว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์จะต้องรับมือกับปัญหาการขาดแคลนชิปที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ทั่วโลก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะ หัวเว่ย ที่กำลังเผชิญกับปัญหาถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรที่จำกัดความสามารถในการจัดหาส่วนประกอบหลักสำหรับโทรศัพท์มือถือ

ร้าน Xiaomi ในเมืองนานจิง มณฑลเจียงซู (photo: CookieWei / Shutterstock.com)

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังเน้นเพื่อไปที่สมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมียมที่มีอัตรากำไรสูงเช่น Mi 11 Ultra และ Mi Mix Fold ทำให้สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในจีนสำหรับสมาร์ทโฟนที่มีราคาระหว่าง 2-3 หมื่นบาท เป็น 16.1% ในไตรมาสแรก จากปีที่แล้วมีส่วนแบ่งเพียง 5.5% ขณะที่การเติบโตในตลาดต่างประเทศยังคงไปได้ดี โดยเฉพาะในยุโรปและละตินอเมริกา

ทั้งนี้ สินค้าทำรายได้เป็นอันดับ 2 ของเสียวมี่ ได้แก่ สินค้า IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ซึ่งรวมถึงสมาร์ททีวี, แล็ปท็อปและหุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้น โดยสามารถทำงานได้ 1.8 หมื่นล้านหยวนจากส่วนธุรกิจนี้ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 24% ของรายได้ และไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟนและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แต่ในเดือนมีนาคม บริษัทได้มีแผนการจัดตั้งแผนก รถยนต์อัจฉริยะ ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 1 หมื่นล้านหยวน โดยบริษัทอาจเปิดตัวรถยนต์คันแรกภายใน 2-3 ปีจากนี้

Source