6 เรื่องน่ารู้ของ ‘Disney+ Hotstar’ x ‘AIS’ ก่อนจะรับชม 30 มิ.ย. นี้


ต้องยอมรับว่าค่าย ‘Disney’ (ดิสนีย์) เป็นค่ายหนังที่มีแฟน ๆ เยอะเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เพราะนอกจากคาแรกเตอร์เหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์ รวมถึงการ์ตูนอื่น ๆ แล้ว ยังมีแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ทำเงินระดับพันล้านทั้ง ‘Marvel’ และ ‘Starwars’ จึงไม่แปลกที่แฟน ๆ ทั่วโลกจะตั้งหน้าตั้งตารอ ‘Disney +’ บริการสตรีมมิ่งของดิสนีย์ ซึ่งประเทศไทยก็อดใจรอวันที่ 30 มิ.ย. นี้ โดยมี ‘เอไอเอส’ เป็นผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการ ซึ่ง Positioning จะสรุป 6 เรื่องน่ารู้ของ Disney+ Hotstar ที่ได้เอไอเอสเป็นผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการ

1. 100 ล้านซับในปีครึ่ง

Disney+ ให้บริการครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 ใน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ โดยจำนวนของสมาชิกที่สมัครในเดือนแรกพุ่งสูงถึง 10 ล้านราย ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ Disney เพิ่มขึ้นถึง 7.35% และภายในเวลา 16 เดือน ยอดผู้ใช้ก็ทะลุ 100 ล้านราย จากเป้าหมายเดิมที่ Disney วางไว้ว่าจะมีผู้ใช้ 90 ล้านคนภายในปี 2024 พูดง่าย ๆ ก็คือ ทะลุเป้าภายในไม่ถึงปีครึ่งเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นวิดีโอสตรีมมิ่งที่มาแรงสุดในตอนนี้เลยทีเดียว


2.ทำไมต้องมี Hotstar

หลายคนอาจสงสัย ทำไมถึงมี ‘Hotstar’ พ่วงท้ายชื่อด้วย ซึ่ง Hotstar นั้นเป็นบริการวิดีโอออนดีมานด์ในอินเดียโดยมี Fox หรือค่าย Twenty Century Fox ที่คุ้นเคยกันดีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จากนั้นในปี 2019 Disney ก็เข้าซื้อกิจการของ Fox ด้วยมูลค่า 7.13 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ทำใหเ Disney เป็นเจ้าของ Hotstar ด้วย

ซึ่ง Hotstar ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ประสบความสำเร็จ โดยมีผู้ใช้กว่า 300 ล้านคน ทำให้ Disney จึงสานต่อความสำเร็จโดยนำชื่อมาห้อยท้ายโดยจะใช้ชื่อ Disney+ Hotstar ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย


3.ราคาที่พิเศษกว่า

ในสหรัฐอเมริกาค่าบริการของ Disney+ อยู่ที่ 6.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อเตือนหรือประมาณ 200 บาท ในประเทศแคนาดาค่าบริการอยู่ที่ 8.99 ดอลลาร์หรือประมาณ 270 บาท/เดือน และในประเทศเนเธอร์แลนด์อยู่ที่ 6.99 ยูโรต่อเดือน หรือราว 270 บาท ส่วนประเทศไทยค่าบริการอยู่ที่ 99 บาท/เดือน และ 799 บาท/ปี ถูกกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง

โดยปกติแล้ว Disney+ Hotstar มักจะร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในพื้นที่ในการทำการตลาดและการเรียกเก็บเงิน ซึ่ง Disney+ Hotstar ก็ได้จับมือ เอไอเอส ผู้ให้บริการเบอร์ 1 ในไทยที่มีผู้ใช้กว่า 42.7 ล้านเลขหมายเป็นผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการ หรือเป็น Exclusive Telecom operator รายแรกและรายเดียวในไทย

เอไอเอสเองก็ถือโอกาสฉลองการทำของดิสนีย์ในประเทศไทย จัดโปรโมชั่นช่วง Early Bird หรือการสมัครล่วงหน้า ตั้งแต่ วันที่ 8 – 27 มิถุนายน 64 จะได้รับชมในราคาพิเศษเพียง 35 บาท/เดือน นาน 12 รอบบิล แถมยังได้ดูฟรีอีก 1 เดือน อีกด้วย เรียกว่า คุ้มเกินคุ้ม ในขณะที่ลูกค้าค่ายอื่น ต้องสมัครเป็นแพ็กเกจรายปีที่ออกโดยดิสนีย์ ในราคา 799 บาท/ปี งานนี้เอไอเอสได้คะแนนความนิยมไปเพียบ หลายคนคงอยากย้ายค่ายมือถือมาใช้เอไอเอสเลยทีเดียว


4.แฟนหนังไทย/เอเชียก็ดูได้

ภายในแพลตฟอร์มจะมีภาพยนตร์กว่า 700 เรื่อง และซีรีส์กว่า 14,000 ตอนจาก Disney, Pixar, Marvel, Star Wars, National Geographic แต่ไม่ได้มีแค่นี้ เพราะ Disney+ Hotstar ก็ได้ค่ายหนังในภูมิภาคเอเชียเป็นพันธมิตร อย่างประเทศไทยก็มี GDH เจ้าของหนังฮิตอย่าง พี่มากพระโขนง, เฟรนด์โซน, น้อง.พี่.ที่รัก หรือค่าย สหมงคลฟิล์ม รวมถึงภาพยนต์จากเกาหลีและฮ่องกงก็มีให้ชม อาทิ ซอบก และ ยิปมัน 4 ดังนั้น แฟนภาพยนตร์เอเชียก็มีคอนเทนต์ให้ดูแน่นอน


5.ออริจินัลคอนเทนต์อีกเพียบ

สำหรับแฟน ๆ Marvel และ Starwars คงจะรู้อยู่แล้วว่าตั้งแต่ที่ Disney เปิดตัว Disney+ ทางค่ายก็ผลิตออริจินอลคอนเทนต์มาลงในแพลตฟอร์มเพียบ ทั้งงซีรีส์ Loki, The Mandalorian, WandaVision and The Falcon and The Winter Soldier นอกจากนี้ก็จะมีอนิเมชั่น ‘What If’

ซึ่งแน่นอนว่านี่แค่น้ำจิ้มเท่านั้น เพราะ Disney ได้เปิดตัวไลน์อัพคอนเทนต์ใหม่ ๆ กว่า 100 เรื่อง ทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์และรายการต่าง ๆ ซึ่ง 80% จะลงใน Disney+ โดยตรง ซึ่งที่ประกาศมาแล้วก็มี ‘The Mandalorian ซีซั่น 3’ ‘The Rangers of the New Republic’ และ ‘Ahsoka’ นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ชื่อ ‘Lando’ สาวก Starwars ก็รอได้เลย


6.อนาคตสตรีมมิ่งเบอร์ 1 แซง Netflix

ครบ 1 ปี Disney+ ผู้ใช้ทะลุ 73.7 ล้านราย และถัดไปอีก 4 เดือนก็ทะลุ 100 ล้านราย การเติบโตที่ก้าวกระโดดนี่ทำให้ นักวิเคราะห์คาดผู้ใช้ของ Disney+ อาจถึงแตะถึง 295 ล้านรายภายในปี 2024 หรืออีก 1 ปี ขณะที่ ‘Netflix’ ราชาแห่งโลกสตรีมมิ่งที่ให้บริการใน 190 ประเทศทั่วโลกคาดว่าจะมีสมาชิกราว 279 ล้านคน ซึ่งหากเป็นไปตามการคาดการณ์ Disnay+ จะขึ้นเป็น เบอร์ 1 แซง Netflix ทันที

แน่นอนว่าด้วยอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว ประกอบกับยังมีอีกหลายตลาดที่ Disney ยังไม่เข้าไปทำ รวมถึงแฟรนไชส์คอนเทนต์ที่มีแฟน ๆ ติดตามทั่วโลก ก็มีความเป็นไปได้ที่จะแซง Netflix ที่ให้บริการแล้ว 190 ประเทศ ซึ่งการเติบโตอาจจะไม่หวือหวาเท่า

สำหรับสาวกของ Disney ก็เตรียมตัวได้เลย สิ้นเดือนนี้ได้ดูแน่นอน สามารถสมัครบริการได้ทั้งบนเว็บไซต์ http://www.disneyplushotstar.com หรือแอป Disney+ Hotstar หรือโทร *111 สำหรับลูกค้าเอไอเอส