ประกาศชัดแล้วว่าประเทศ ‘จีน’ ไม่อินกับกระแสคริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) โดยได้ทำการแบนการทำธุรกรรมผ่านสกุลเงินคริปโต พร้อมกับทยอยปิดบัญชีโซเชียลใน ‘เว่ยป๋อ’ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับบิตคอยน์ (Bitcoin) และการซื้อขายคริปโต ล่าสุดรัฐบาลก็ได้ทำการปิดเหมืองขุดบิตคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดของจีนเรียบร้อย
สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดอย่าง บิตคอยน์ ในโลกร่วงลง 7% สู่ราคา 32,801 ดอลลาร์ในเช้าวันจันทร์ ซึ่งลดลงต่ำกว่า 33,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน ตามข้อมูลจาก Coin Metrics มีการซื้อขายครั้งล่าสุดที่ 33,243 ดอลลาร์ ส่วนคู่แข่งรายเล็กอย่าง ether และ XRP ก็ร่วงลง 8% และ 7% ตามลำดับ
โดยมูลค่าที่ร่วงลงอีกครั้งของบิตคอยน์คราวนี้ไม่เกี่ยวกับ อีลอน มัสก์ แต่เป็นเพราะรัฐบาลจีนได้เดินหน้าปิดเหมืองขุดบิตคอยน์หลายแห่งใน เสฉวน โดยสั่งให้บริษัทไฟฟ้าในท้องถิ่น ยุติการจ่ายไฟ ให้กับเหล่าเหมืองขุดบิตคอยน์ทั้งหมดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การขุดบิตคอยน์ในเสฉวนนั้นคิดเป็นมากกว่า 90% ของความสามารถในการขุดบิตคอยน์ของจีน ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าราว 65% ของเหมืองบิตคอยน์อยู่ที่ประเทศจีน
ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของจีนได้เรียก Alipay ซึ่งเป็นบริการชำระเงินที่ดำเนินการโดย Ant Group ในเครือของ Alibaba รวมถึงธนาคารรายใหญ่บางแห่ง เพื่อให้พวกเขาปราบปรามการซื้อขายคริปโตในประเทศจีน พร้อมสั่งห้ามสถาบันการเงินไม่ให้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง
สำหรับสาเหตุที่รัฐบาลจีนออกมาแบนคริปโตเป็นเพราะการฉ้อโกงที่มีความเชื่อมโยงกับสกุลเงินคริปโต และมักถูกใช้ในตลาดมืด, การฟอกเงิน และในธุรกิจกิจผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้พลังงานจำนวนมาก