ไอบีเอ็ม (NYSE: IBM) และแพนดอร่า (NASDAQ: PNDORA) ดีไซเนอร์ ผู้ผลิต และผู้ทำตลาดเครื่องประดับแบบประกอบด้วยมือ(hand-finished)ชั้นนำ ร่วมกันพลิกโฉมและขยายศักยภาพระบบออมนิแชนแนลอีคอมเมิร์ซทั่วโลกด้วยIBM Sterling Order Management ช่วยให้แพนดอร่าซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์จิวเวลรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกสามารถเพิ่มยอดขายออนไลน์เป็นเท่าตัวในปี 2563 อีกทั้งยังสร้างมิติใหม่ก้าวนำอุตสาหกรรมเครื่องประดับด้วยมุมมองข้อมูลสินค้าคลังสินค้าแบบเรียลไทม์ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แพนดอร่าให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า และได้นำ IBM Sterling Order Management เข้ามาช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นปรับตัวได้รวดเร็วให้กับระบบซัพพลายเชน เสริมความคล่องตัวให้กับธุรกิจของบริษัทรวมถึงช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับดิสรัปชันและลดความเสี่ยง การออโตเมทคำสั่งซื้อจากทุกช่องทางการขายมากขึ้น ทำให้แพนดอร่าสามารถปรับปรุงระบบปฏิบัติการซัพพลายเชนให้มีความยั่งยืนและยืดหยุ่นฟื้นตัวเร็ว พร้อมด้วยการขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แพนดอร่าได้ลงทุนอย่างจริงจังในเรื่องเครื่องมือดิจิทัลและข้อมูล โดยได้ผนวกรวมเทคโนโลยีมากมายที่มี และทำให้ระบบมีความซับซ้อนน้อยลงแต่ทันสมัยมากขึ้น ลดช่องว่างระหว่างเทคโนโลยีช่องทางการขายดิจิทัลและร้านค้า และลดช่องว่างที่มีกับลูกค้าลง” นายจิม ครูกแชงค์รองประธานด้าน Digital Development และ Retail Technology ของแพนดอร่า กล่าว “พันธกิจของเราคือการสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคลและเราได้เดินหน้าปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มครั้งใหญ่ด้วย IBM Sterling และ Salesforce เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลใหม่ๆ ที่สามารถปรับตามความชอบของแต่ละบุคคลปรับรูปแบบตามโลเคชันที่ลูกค้าอยู่ รวมถึงเชื่อมต่อในทุกช่องทางและทุกตลาด”
การเข้าสู่อีคอมเมิร์ซในช่วงกว่าหกปีที่ผ่านมานำสู่ก้าวย่างในการผนวกรวมเทคโนโลยีที่เป็นเลกาซีต่างๆ เข้าด้วยกัน รวมถึงการใช้โซลูชันบริหารจัดการคำสั่งซื้อใหม่ในทุกตลาดหลัก โดยใช้IBM Sterling Order Management เป็นแบ็คเอนด์สำหรับระบบคลัง แพ็ค และจัดส่งสินค้าหรือฟูลฟิลเมนท์แบบออมนิแชนแนลและใช้ Salesforce Commerce Cloud สำหรับระบบอีคอมเมิร์ซ ซึ่งช่วยให้แพนดอร่าสามารถสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบไม่มีสะดุดได้ในทุกช่องทาง การออโตเมทกระบวนการสั่งซื้อต่างๆ ทำให้พนักงานขายหน้าร้านและเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าเวอร์ชวลสามารถเห็นสถานะของสินค้าคงคลัง คำสั่งซื้อ และสถานะการจัดส่งแบบเอนด์ทูเอนด์นำสู่ความสามารถในการตอบโจทย์ความคาดหวังของลูกค้า
แพนดอร่ายังได้จัดตั้งดิจิทัลฮับในเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ค ที่มีทีมดิจิทัล ดาต้า และเทคโนโลยี เป็นกำลังสำคัญในการติดตั้งระบบอย่างรวดเร็วในแบบรีโมททั้งหมด เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดทำให้แพนดอร่าจำเป็นต้องปิดสาขาส่วนใหญ่จากทั้งหมด 2,700 สาขาชั่วคราว การลงทุนด้านดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบซัพพลายเชนจึงเป็นกลจักรสำคัญที่นำสู่ความสำเร็จชองธุรกิจอีคอมเมิร์ซของบริษัท โดยนอกเหนือจากทางเลือก go-to fulfillmentต่างๆ ที่ธุรกิจค้าปลีกจำนวนมากเสนอให้กับลูกค้า อาทิ การซื้อออนไลน์และรับของที่ร้าน (buy online pickup in store:BOPIS) และการเปิดให้ลูกค้าค้นหาสินค้าที่ไม่มีในสต็อกหรือไม่ได้วางขายที่หน้าร้านนั้นๆแล้วจัดส่งให้ลูกค้าที่บ้านในภายหลัง (endless aisle) แล้ว แพนดอร่ายังได้นำเสนอทางเลือกที่ก้าวล้ำกว่าเพื่อมัดใจลูกค้ามากขึ้นอย่างการเข้าคิวร้านค้าเวอร์ชวลและการลองสินค้าแบบเวอร์ชวลผ่านเทคโนโลยี augmented reality (AR)
“ดิสรัปชันทั่วโลกที่ทุกอุตสาหกรรมต้องเผชิญเนื่องด้วยการค้าในทุกรูปแบบได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด กลายเป็นความท้าทายโดยเฉพาะสำหรับองค์กรที่ระบบบริหารจัดการการกระจายคำสั่งซื้อขาดการเชื่อมต่อและมีข้อจำกัดในการสเกล” นายจอร์แดน สเปียร์Research Manager ด้าน Global Supply Chain จาก IDC Retail Insights กล่าว “จุดอ่อนตรงนี้ยิ่งผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีก้าวล้ำมาใช้เร็วขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถตอบสนองต่อพลวัตที่ผันผวนของผู้บริโภคได้ดีขึ้น องค์กรต่างกำลังมองหาเครื่องมือใหม่ที่จะตอบโจทย์ด้านความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพของระบบซัพพลายเชนได้ในระดับที่ต้องการ และเอื้อการปฏิสัมพันธ์แบบเวอร์ชวลไปด้วยในขณะเดียวกันเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ดีมานด์ที่เปลี่ยนไป”
การที่แพนดอร่าสามารถเห็นรายละเอียดคำสั่งซื้อและรายการสั่งซื้อที่รออยู่ รวมถึงสามารถบริหารจัดการระบบคลังสินค้าได้แบบเกือบเรียลไทม์ นำสู่มุมมองเชิงลึกที่ดีขึ้นของทั้งระบบซัพพลายเชน ตั้งแต่โซลูชันการบริหารจัดการคลังสินค้า ระบบอีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงศูนย์บริการลูกค้า พร้อมด้วยการเสริมออโตเมชันเพิ่มขึ้นให้กับบริการ self-service และการใช้แชตบ็อทช่วยส่วนงานสนับสนุนลูกค้าในเวลาที่แพนดอร่ามีปริมาณคำสั่งซื้อพุ่งสูงมากๆ
“เส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจโลก รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและจะยังคงปรับเปลี่ยนต่อไป ในขณะที่ธุรกิจเองก็ต้องปรับตัวรับความชอบและความต้องการใหม่ๆ เหล่านี้ให้ได้อย่างรวดเร็ว และเพื่อตอบรับการปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นนี้ธุรกิจค้าปลีกชั้นนำอย่างแพนดอร่าได้เลือกที่จะนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจ ผ่านการนำเอไอและคลาวด์มาใช้เพื่อเสริมศักยภาพและความสามารถในการสเกลให้กับงานปฏิบัติการด้านซัพพลายเชน” นายคารีม ยูซุฟ กรรมการผู้จัดการ ด้าน AI Applications และ Blockchain ของไอบีเอ็ม กล่าว “สิ่งที่แพนดอร่าทำแสดงให้เราเห็นว่า ธุรกิจจะยังสามารถเดินหน้าสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้ หากผู้บริหารด้านธุรกิจและเทคโนโลยีพยายามมองหาแนวทางใหม่ๆ ที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า ทั้งเพื่อลดความเสี่ยงและเร่งการเติบโต และเพื่อไม่ให้ธุรกิจต้องถูกดิสรัปท์”
เรียนรู้ประสบการณ์ออมนิแชนแนลของแพนดอร่าแบบละเอียด ว่าบริษัทฯ สามารถเดินหน้าแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ท่ามกลางหนึ่งในดิสรัปชันด้านซัพพลายเชนครั้งใหญ่ของโลกได้อย่างไร จากคีย์โน้ตงาน THINK 2021