โซดาช้าง ซ่าแบบมีนวัตกรรม

หลังจากปล่อยให้สิงห์สร้างความซ่าในตลาดโซดาเพียงแบรนด์เดียวมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะช่วงสองสามปีหลังที่สิงห์พยายามโปรโมตโซดากับการมิกซ์ที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่กับสุรา

โซดาช้าง ซึ่งพยายามตีตื้นมาตลอด ด้วยการออกโฆษณาท้าให้ทดลอง และการใช้ช่องว่างของราคามาสู้กับแบรนด์สิงห์ แต่ก็ยังทำได้ยาก เพราะผู้บริโภคยังติดอยู่กับรสชาติของโซดาสิงห์ ซึ่งไทยเบฟก็ไม่ละความความพยายาม เพราะยังมองเห็นโอกาสอยู่มาก โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่ชอบลองของใหม่ๆ มีโอกาสสวิตช์แบรนด์ได้สูง

ล่าสุดโซดาช้าก็ได้สร้างสีสันและความน่าตื่นเต้นให้กับตลาดโซดาอีกครั้ง ด้วยการอกสองผลิตภัณฑ์ใหม่ โซดาช้าง รส Bitter Lime Lemon และ Apple Mint ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แหวกแนวความซ่า โซดาช้าง”

อนิรุทธิ์ มหธร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้บริหารคนล่าสุด ในกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ซึ่งมีประสบการณ์มาจากเป๊ปซี่ และกลุ่มไมเนอร์ บอกว่าโซดาช้างทั้งสองรสใหม่ได้ออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 เพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดโซดาที่ไม่มีนวัตกรรมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และผู้บริโภคไม่มีทางเลือกมากนักกับผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาด

เขามองว่า Innovationใหม่ของโซดาช้า จะช่วยสร้างกระแสการดื่มโซดาแบบใหม่ทั้งการผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือการดื่มกับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ขณะเดียวกันก็เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์โซดาช้างที่ต้องการสร้างความแตกต่างและเป็นแบรนด์ที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง

เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักของโซดาช้างใหม่นี้ ยังคงเน้นที่กลุ่มผู้ดื่มสุรา ผู้ชาย ตั้งแต่นักศึกษามหาวิทยาลัยตอนปลายไปจนถึงกลุ่มคนวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริโภคโซดามากกว่า 90%เพื่อซื้อไปเป็นมิกเซอร์กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งโซดาช้างใหม่นี้จะช่วยเพิ่มอรรถรสการดื่มให้มีความสนุกมากขึ้นกับการลองสิ่งที่แตกต่างออกไป

ส่วนกลุ่มเป้าหมายรอง คือ คนทั่วไปที่นิยมดื่มโซดา แต่โซดาช้าง Bitter Lime Lemon และ Apple Mint ให้ได้มากกว่าความซ่า กลิ่นของโซดาช้างที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับความซ่าจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับผู้ดื่มโดยไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือแคลอรี

ทั้งนี้ โซดาช้างได้ทดสอบกับผู้บริโภคแล้วว่าสามารถนำไปเป็นมิกเซอร์กับสุราทั้งประเภทวิสกี้และวอดก้าได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าสินค้าใหม่นี้จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งถือเป็นช่วงพีคของตลาดโซดานี้เท่านั้น อีกทั้งการเปิดตัวการขายที่ 7-Eleven ในระดับราคาพรีเมียม (ราคาขาย 10 บาท) ก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี

สำหรับแผนการโปรโมตเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านสื่อโฆษณาต่างๆ ได้เริ่มตั้งแต่ธันวาคม 2553 โดยใช้ภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อนิตยสาร สื่อโฆษณา Out-of-Home เป็นต้น รวมถึงการจัดชงชิมผ่านกิจกรรมที่โซดาช้างเข้าไปมีส่วนร่วม คือ คอนเสิร์ต Bodyslam Live in คราม และคอนเสิร์ต Big Mountain ก่อนขยายกิจกรรมชงชิมไปยังร้านค้า Outlet กลางคืนต่อไป

อนิรุทธิ์ คาดว่า การออกนวัตกรรมเพื่อสร้างแทรนด์การดื่มใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคในครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของโซดาช้างให้ดูทันสมัย เหมาะกับคนรุ่นใหม่ และคนที่กล้าที่จะแตกต่าง

โดยจะถือเป็นส่วนหนึ่งของความแปลกใหม่ที่โซดาช้างจะมอบให้กับผู้บริโภคในปี 2554 ที่จะถึงนี้

Soda Consumer
กลุ่มที่นำไปผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 90%
กลุ่มที่ดื่มโซดาเพื่อดับกระหาย 10%

People

อนิรุทธิ์ มหธร มือการตลาดคนล่าสุด
อนิรุทธิ์ มหธร เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการส่วนนอนแอลกอฮอล์ ของไทยเบฟฯ เมื่อช่วงประมาณเดือนกันยายนที่ผ่านมา แทน มารุต บูรณะเศรษฐกุล ที่ได้รับการโปรโมตให้ดูแลภาพรวมของธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ทั้งหมด ไม่ใช่แค่การตลาดเพียงอย่างเดียว

ประสบการณ์การทำงานก่อนหน้าของเขาล้วนอยู่ในธุรกิจเครื่องดื่มของอาหาร โดยใช้เวลาสั่งสมฝีมือสร้างชื่อกับทางฟริโต-เลย์ โดยรับผิดชอบสินค้า Western Snack ก่อนเข้ามาร่วมงานทางไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ดูแลแบรนด์พิซซ่าคอมปะนี ซึ่งการดึงอนิรุทธิ์เข้ามาดูแลธุรกิจในกลุ่มนอนแอลกอฮฮล์ เพื่อช่วยเสริมสร้างธุรกิจให้กับโออิชิอีกทางหนึ่งด้วย