ยูโอบีประกาศกำไรสุทธิครึ่งปีแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 แตะ 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ จากเครือข่ายลูกค้าที่มั่นคงและแนวโน้มเครดิตที่คงเสถียรภาพ

กลุ่มธนาคารยูโอบีประกาศผลการดำเนินงานสุทธิครึ่งปีแรกของปี 2564 ที่ 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเครือข่ายลูกค้าที่มั่นคงและค่าเผื่อด้านเครดิตของสินเชื่อที่ปรับตัวลดลงจากการที่เศรษฐกิจในประเทศต่างๆ กลับมาดำเนินการมากขึ้น

ผลการดำเนินงานสุทธิในไตรมาส 2 ของปี 2564 แตะระดับ 1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ ดีดตัวขึ้นร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับปีก่อน

แม้ตลาดแต่ละแห่งจะค่อยๆ เริ่มฟื้นตัว แต่มาตรการสนับสนุนความต้องการทางธุรกิจและการลงทุนเชิงรุกและมีเป้าหมายชัดเจนของยูโอบีก็ยังคงส่งผลเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง สินเชื่อในครึ่งปีแรกของปี 2564 เติบโตขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 28 อันเป็นผลจากผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการความมั่งคั่ง ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อ และการบริหารจัดการกองทุน

รายได้จากกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ของกลุ่มธนาคารยูโอบีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ทำสถิติใหม่ที่ 2.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ โดยมีรายได้ข้ามพรมแดนปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 5 ทั้งนี้ เป็นผลจากความต้องการโซลูชันทางการเงินของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้าสถาบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิงคโปร์ กลุ่มเกรธเธอร์ไชน่า และตลาดที่พัฒนาแล้ว ที่มองหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดนทั่วภูมิภาค การที่บริษัทต่างๆ หันมาดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนมากขึ้นส่งผลให้ความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืนเพิ่มขึ้นตาม จากตัวเลข ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 กลุ่มธนาคารยูโอบีได้อนุมัติสินเชื่อเพื่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืนแก่ลูกค้าไปแล้วทั้งสิ้น 13 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์

รายได้จากกลุ่มลูกค้ารายย่อยของกลุ่มธนาคารยูโอบีเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 อยู่ที่ 2.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ แม้รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิจะลดลง ในครึ่งปีแรกของปี 2564 ค่าธรรมเนียมจากการบริหารจัดการความมั่งคั่งปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการจากกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 แตะระดับ 137 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารยูโอบียังหันมาให้ความสนใจในการลงทุนอย่างยั่งยืน ตัวเลข ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ระบุว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการสำหรับการลงทุนที่มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลอยู่ที่ 5.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์

คุณภาพของสินทรัพย์โดยรวมยังคงมีความยืดหยุ่น ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพยังคงที่ที่ร้อยละ 1.5 จากมาตรการการตั้งสำรองทั่วไปเชิงรุกก่อนหน้านี้ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมปรับตัวลงสู่สภาวะปกติที่ 24 จุด

เมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore) ได้ประกาศยกเลิกมาตรการจำกัดเพดานอัตราเงินปันผล อย่างไรก็ตาม จากผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมและสถานะดำรงเงินทุนที่เข้มแข็ง คณะกรรมการจึงได้ประกาศเงินปันผลที่ 60 เซ็นต์ต่อหุ้นสามัญ หรือเทียบเท่าอัตราส่วนการจ่ายเงินปันผลที่ร้อยละ 50 โดยหลังจากการจ่ายเงินปันผล งบดุลของกลุ่มยูโอบียังคงอยู่ในสถานะมั่นคง กลุ่มธนาคารยูโอบีจะยังคงดูแลลูกค้าต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

สารจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

นาย วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า “เครือข่ายลูกค้าที่หลากหลายและการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลของธนาคารส่งผลให้เราได้เห็นกผลการดำเนินการที่ดีเยี่ยมอีกครั้ง กำไรของครึ่งปีแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากธุรกิจหลักของธนาคารและคุณภาพของสินทรัพย์ที่ฟื้นตัว และได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการสนับสนุนเชิงรุกและมีเป้าหมายชัดเจนในด้านธุรกิจและการลงทุน

งบดุลที่เข้มแข็งและสถานะดำรงเงินทุนและสภาพคล่องที่แข็งแกร่งส่งผลให้ธนาคารสามารถสนับสนุนลูกค้าในการคว้าโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเติบโตในกลุ่มเกรธเธอร์ไชน่าและตลาดที่พัฒนาแล้ว เราเร่งดำเนินการในด้านดิจิทัลเพื่อให้บริการโซลูชันที่จำเป็นโดยคำนึงถึงความต้องการทางธุรกิจและการเงินส่วนบุคคล ในขณะที่ประเทศต่างๆ กำลังเร่งกระจายวัคซีน เราเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะดีขึ้นเป็นลำดับ และเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนพร้อมกับลูกค้าทั่วภูมิภาค ยูโอบียังคงมุ่งมั่นร่วมมือกับรัฐบาลในแต่ละประเทศทั่วภูมิภาคในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบในการสนับสนุนสภาพคล่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้ข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้”