‘พัทธ์หทัย กุลจันทร์’ นำทัพ ‘กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์’ สร้างเครดิตทางการเงินเพื่อคนรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ฝ่าวิกฤติโควิด


ในทุกวิกฤติเราจะได้ New Business Model เสมอ…”

เมื่อพฤติกรรมลูกค้า ‘เปลี่ยนเร็ว’ ถึงเวลาที่เเบรนด์ต้องพลิก 360 องศา ปรับตัวให้ ‘ก้าวทัน’ ความต้องการของคนยุคใหม่ ปรากฎการณ์ ‘รีเเบรนด์ในรอบทศวรรษ’ ของ ‘กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์’ เมื่อช่วงต้นปี 2563  สะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงสำคัญของธุรกิจการเงินเมืองไทยที่กำลังจะมีภาพลักษณ์เปลี่ยนไป ท่ามกลางกระเเสดิจิทัลเเละภัยโรคระบาด

การรีเเบรนด์ใหม่ ไม่ใช่เเค่เปลี่ยนโลโก้ เเต่ต้องปรับเปลี่ยนทั้งในเเละนอกองค์กร เมื่อ 1 มีนาคม  2564  ที่ผ่านมา กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จึงประกาศเเต่งตั้ง ‘พัทธ์หทัย กุลจันทร์’ ขึ้นมานั่งเก้าอี้ ‘เอ็มดี’ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด รับหน้าที่ดูแลแบรนด์กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ในช่วงเวลาที่เป็นก้าวสำคัญแห่งความเปลี่ยนแปลง

จากประสบการณ์ในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล มายาวนานกว่า 20 ปี โดดเด่นทั้งด้านกลยุทธ์ บัญชีและการเงิน การลงทุน รวมถึงการตลาด พัฒนาผลิตภัณท์ให้สอดคล้องกับงบประมาณและสภาวะเศรษฐกิจ

วันนี้ กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ภายใต้การนำของ ‘พัทธ์หทัย กุลจันทร์’ จะเติบโตเเละมุ่งมั่นไปในทิศทางใด มีไม้เด็ดเเก้เกมพิษโควิดอย่างไรบ้าง เราจะมาหาคำตอบกัน…

เมื่อผู้บริโภคเริ่ม ‘ระมัดระวัง’

พูดคุยกันด้วยบรรยากาศสบาย ๆ เเต่ก็เจาะลึกด้วยประเด็น ‘ภาวะตลาดของผู้บริโภค’ ในปัจจุบัน พัทธ์หทัย ฉายภาพให้เห็นถึง สถานการณ์หนี้สินของประชาชนที่ยังคงเติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวม โดยในไตรมาสเเรกของปีนี้ หนี้ภาคครัวเรือนได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นกว่า 90% ต่อจีดีพี

ความต้องการหนี้ของผู้บริโภคส่วนใหญ่ ยังเป็นไปเพื่อการบริโภคอุปโภค หรือสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเพื่อธุรกิจ  โดยจะสังเกตได้ว่า จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ในช่วงไตรมาส 1 ยอดใช้จ่ายของผู้บริโภคผ่านบัตรเครดิตในภาพรวมทั้งธุรกิจ ลดลงมาราว 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่เเล้ว สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่ม ‘ระมัดระวัง’ เเละเมื่อเกิดการระบาดระลอก 3 การใช้จ่ายก็ยิ่งลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ด้านสินเชื่อส่วนบุคคล จะมีเเนวโน้มคล้าย ๆ บัตรเครดิต โดยจะเห็นว่า ภาพรวมทั้งธุรกิจ สินเชื่อคงค้างของสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในไตรมาสแรก ปรับลดลงมา -2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่เเล้ว

“ผู้บริโภคก็ทราบดีว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ดี ต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง จึงเลือกประหยัดมากขึ้น”


เป้าหมายลดภาระหนี้ : แบ่งเบาภาระ ไม่ทอดทิ้งลูกค้า ฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน

ในยามที่มีความไม่เเน่นอนสูง การคิดหามาตรการช่วยเหลือลูกค้าให้ได้มากที่สุด คือหนึ่งในนโยบายธุรกิจที่สำคัญของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ที่ผ่านมา บริษัทมีมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ที่เป็นนับเป็น ‘กรณีศึกษา’ ในเรื่องการรับมือวิกฤติได้ดี อย่างการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยนานสูงสุด 2 รอบบัญชี, ลดยอดชำระขั้นต่ำต่อเดือน, ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและขยายระยะเวลาผ่อนชำระเป็นกรณีพิเศษ ฯลฯ

ในกรณีที่ลูกค้าไม่ไหวจริงๆ ค้างชำระติดต่อกัน ก็จะมีการนำเสนอในเชิงรุกอย่างการ ‘ปรับโครงสร้างหนี้’ ขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้ยาวขึ้น เเตกต่างไปตามยอดคงค้างของลูกค้า พร้อมดอกเบี้ยอัตราพิเศษ

พัทธ์หทัย บอกว่า นับตั้งเเต่เปิดโครงการช่วยเหลือตามมาตรการต่าง ๆ มาตั้งเเต่ปีที่เเล้ว ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร่วมทั้งหมดราว 9 เเสนบัญชี คิดเป็นกว่า ‘ครึ่งหนึ่ง’ ของบัญชีที่เเอคทีฟทั้งหมดของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ มียอดช่วยเหลือไปเเล้วถึง  3.5 หมื่นล้านบาท ลูกค้าส่วนใหญ่ จะเข้ามาตรการการปรับลดการผ่อนชำระขั้นต่ำ 5% เหลือ 3% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลเยอะที่สุด ถึง 6 เเสนบัญชี เห็นได้ชัดว่าเป็นโครงการที่ตอบโจทย์การลดภาระการเงินของลูกค้าในยามวิกฤติ

ส่วนกลุ่มที่จะเข้าไปสู่การรีไฟเเนนซ์ หรือปรับโครงสร้างหนี้นั้น มีอยู่ประมาณ 1.1 เเสนบัญชี ยอดประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท ด้านมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยนานสูงสุด 2 รอบบัญชี มีลูกค้าเข้าร่วมประมาณ 1 หมื่นบัญชี เเละคาดว่าจะมีเข้ามาอีกเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม การพักชำระหนี้ยังไม่ได้ตอบโจทย์ที่สุด ทีมกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์จึงกำลังวางเเผนว่าหลังจบรอบ 2 เดือนไปเเล้ว อาจจะมีมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ ออกมาเพิ่มเติม เพื่อลดภาระหนี้ให้กับลูกค้า คาดว่าจะเปิดตัวได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้เเก่ กลุ่มที่มีรายได้ลดลง รายได้ไม่เเน่นอนจากสถานการณ์โควิด ตามมาด้วยกลุ่มที่ธุรกิจถูกปิดชั่วคราว ทั้งนายจ้างเเละลูกจ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสีเเดงเข้ม

“ลูกค้าของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ส่วนใหญ่จะเป็น ‘เเฟนพันธุ์เเท้’ อยู่กันมานาน เราต้องช่วยพยุงให้พวกเขาอยู่รอด อย่างน้อย ๆ ต้องจ่ายดอกเบี้ยลดลง ไม่อยากให้พวกเขาต้องจำใจไปกู้นอกระบบ เราต้องคิดหาทางลดภาระดอกเบี้ยของลูกค้าให้ได้มากที่สุด”


Go Digital …มาถูกทางเเล้ว

พัทธ์หทัย ยืนยันว่า ทิศทางของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ที่มุ่งเน้นไปในทางดิจิทัลเเพลตฟอร์มนั้น มา ‘ถูกทางเเล้ว’ ยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 จะเห็นว่าเเอปพลิเคชัน UCHOOSE เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคใหม่ได้ดีมาก

ปัจจุบัน กว่า 90% ของลูกค้าที่เป็นบัญชีที่แอคทีฟของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ มีการโหลดเเอปฯ UCHOOSE ซึ่งฟีเจอร์หลัก ๆ ที่ลูกค้าเลือกใช้ ได้แก่ การจ่ายบิล, ดูโปรโมชันบัตร, เเลกพอยต์เเละขอ E-Statement

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทได้ส่งบริการใหม่ ออกมาเจาะตลาด นั่นก็คือ ยู แคช(U Cash)  บริการโอนวงเงินของลูกค้าที่มีอยู่เข้าบัญชีออมทรัพย์หรือพร้อมเพย์ เพื่อใช้เป็นเงินสดโดยทำรายการผ่านแอป UCHOOSE หลังเปิดบริการเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2564 เป็นต้นมา พบว่า ‘กระแสตอบรับดีเกินคาด’ มียอดเบิกถอนเงินสด เพิ่มขึ้นถึง 25% เทียบกับก่อนมีบริการผ่านช่องทางนี้

อีกบริการหนึ่งที่ได้รับความสนใจไม่เเพ้กัน ก็คือ U Card สมัครบัตรเครดิตผ่านเเอปพลิเคชัน UCHOOSE โดยได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในช่วง พ.ค.- ก.ค.ที่มีคำสั่งล็อกดาวน์

“ในอนาคตถ้าทำให้ง่ายขึ้น จากที่ง่ายอยู่เเล้ว จะเอื้อต่อการสมัครบัตรที่ 2 หรือบัตร Co-brand อื่น ๆ ได้สะดวกขึ้น” 


จับมือพันธมิตร จัดโปรสุดคุมตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ก็คือ การร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างความเติบโตทางธุรกิจ พันธมิตรของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ มีทั้งพันธมิตรชั้นนำ ซึ่งให้ความไว้วางใจกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ออกบัตรเครดิตร่วม (Co-branded Card) เช่น เซ็นทรัลกรุ๊ป ที่มีบัตรเซ็นทรัล เดอะวัน เฟิร์สช้อยส์ ร่วมมือจัดโปรโมชันสำหรับการผ่อนชำระสินค้าในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป พร้อมให้คะเเนนสะสม The 1 Card สูงสุด 2 เท่า หรือ บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือโฮมโปร ที่ร่วมกันออกบัตรโฮมโปร เฟิร์สช้อยส์ และ เมกาโฮม เฟิร์สช้อยส์ ที่มีจุดเด่นอย่างการผ่อน  0%  นาน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับยอดใช้จ่ายของลูกค้า ช่วยลดภาระในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคือง พร้อมมอบ E- Coupon ต่าง ๆ นอกจากนั้น ยังเป็นพันธมิตรกับเเบรนด์ต่าง ๆ มากมายกว่า 25,000 ราย ร่วมกันนำเสนอโปรโมชันที่มอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้า โดยเฉพาะโปรโมชันผ่อนชำระ 0% และดีลพิเศษอื่น ๆ ที่เน้นการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เช่น ออนไลน์ช้อปปิ้ง ผ่อนสินค้าไอที แกดเจ็ทต่าง ๆ  ผ่อนสินค้าและเฟอร์นิเจอร์เพื่อคน Work From Home เป็นต้น

“ในภาพรวม เราเป็นผู้นำด้านธุรกิจผ่อนชำระ เเละมีพาร์ทเนอร์เจ้าใหญ่ ๆ ที่ทำธุรกิจร่วมกัน นอกเหนือจากการช่วยเหลือลูกค้าเเล้ว ในขณะเดียวกัน เราไม่เคยลืมพันธมิตรของเรา ซึ่งมีการช่วยเหลือเเละประสานงานร่วมกันอยู่ตลอด”

ขณะเดียวกัน เราเห็นโอกาสการเติบโตของบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ในส่วนฐานลูกค้าต่างจังหวัดที่มีค่อนข้างเยอะ จึงตอบโจทย์นี้ผ่านห้างโรบินสันในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป อีกโอกาสหนึ่งที่น่าสนใจคือลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านไทวัสดุ ที่มีการสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากเเละผ่อนชำระได้ยาว ๆ”

ทั้งนี้ กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ มีฐานลูกค้าต่างจังหวัดมากถึง 60% (อีก 40% เป็นกรุงเทพฯ) โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือนราว 80% มีรายได้ประจำไม่สูงมาก เเละอีก 20% เป็นกลุ่มเจ้าของกิจการ


เอาใจ Gen Y-Z บุกตลาดนักช้อปออนไลน์

เราต้องการจะเป็นผู้ช่วยสร้างเครดิต เริ่มปูทางเครดิตการเงินให้กับคนไทย”

เกือบ 70% ของลูกค้ากรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ มีอายุเฉลี่ยต่ำกว่า  40  ปี โดยฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี มีมากถึง  31% ไลฟ์สไตล์จึงปรับเปลี่ยนเร็ว ตามติดโซเชียลมีเดีย เเละอัพเดตเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ

ดังนั้น การจับตลาดของเเบรนด์ จึงเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ First Jobber ที่ต้องการมีบัตรเครดิตใบเเรกสื่อสารผ่านธีม ‘จุดเริ่มต้น คนมีเครดิต’ มีการดีไซน์รูปเเบบสาขาใหม่ ให้ทันสมัย หรูหราเเละมินิมอล ใช้พรีเซนเตอร์เเละอินฟลูเอนเซอร์ที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น

สำหรับยอดใช้จ่ายบนฟีเจอร์บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ในไตรมาสเเรก มีการเติบโตโดยรวม 5% อยู่ที่ 13,100 ล้านบาท  นับว่าเติบโตสวนทางตลาด โดยหมวดที่มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดที่สุดก็คือ หมวดออนไลน์ช้อปปิ้ง (23%) ตามมาด้วยการเติมน้ำมันเเละทานอาหาร ค่ารักษาพยาบาลเเละประกัน

 หมวดช้อปออนไลน์เเละประกัน จะเป็น 2 หมวดหลักที่เราจะมุ่งเติบโตให้ได้ในช่วงครึ่งปีหลัง”

สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เมื่อผู้คนในปัจจุบันมีการทำงานจากที่บ้านมากขึ้น ทำให้การใช้จ่ายออนไลน์เติบโตสูง รวมทั้งยังมีความสนใจในเรื่องสุขภาพและความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น


เฟิร์สช้อยส์ : เจ้าตลาดสินเชื่อผ่อนชำระ

ฟีเจอร์ที่ลูกค้า ‘ชื่นชอบมากที่สุด’ ก็คือ  การผ่อนชำระ ซึ่งเฟิร์สช้อยส์มีแผนผ่อนชำระให้เลือกหลากหลาย  ทั้งการผ่อน 0% ยาวๆ ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าในช่วงนี้ได้ดี โดยทางกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์มี ‘ข้อได้เปรียบ’ คือสามารถผ่อนได้สูงสุดถึง 24  เดือน สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ  หรือการผ่อนชำระแบบมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งก็ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และช่วยให้ลูกค้าบริหารการเงินได้ง่ายยิ่งขึ้น

 ยอดการผ่อนชำระสินค้าที่ซื้อผ่านออนไลน์ช้อปปิ้งแพลตฟอร์ม ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ มีการเติบโตถึง 80% นับว่าสูงมาก มีทั้งการผ่อนผ่านอี-มาร์เก็ตเพลสอย่าง Shopee, Lazada เเละพาร์ทเนอร์ที่เข้าไปจับมือกัน มีการอัดโปรโมชันค่อนข้าง ‘จัดเต็ม’ กับกลุ่มอีคอมเมิร์ซ

อีกสิ่งน่าสนใจในช่วงนี้คือการ ‘ผ่อนทองคำ’ ผ่อนแก็ดเจตไอทีใหม่ ๆ ผ่อนสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการ Work From Home ทำงานที่บ้านทั้งเก้าอี้ โต๊ะคอมฯ ของตกเเต่งบ้าน เเละการผ่อนประกัน

“สถานการณ์โควิดยืดเยื้อ เเน่นอนว่ามีลูกค้ากลุ่มหนึ่งได้รับผลกระทบ เเต่เรายังมีฐานลูกค้าอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อย เเละหันมาใช้ไลฟ์สไตล์ออนไลน์มากขึ้น เริ่มวางเเผนทางการเงินเเละประกันสุขภาพมากขึ้น”

นอกจากนี้ จุดเด่นโปรโมชัน ‘Cash Back’ ของเฟิร์สช้อยส์ ที่ให้เครดิตเงินคืนสูงสุด 3% เป็นอีกสิ่งจูงใจให้คนหันมาเลือกใช้เป็น ‘บัตรหลัก’ เน้นให้คืนง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน หรือจะนำคะเเนนไปแลกรับเครดิตเงินคืนที่เป็นส่วนลดได้เพิ่มเติมอีกด้วย

ย้อนกลับไป ในช่วงเเรก ๆ ของการระบาดของโควิด-19 กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เคยมีการเข้มงวดการ ‘ออกบัตรใหม่’ เเต่ในช่วงหลัง ๆ มีการผ่อนคลายมากขึ้น ลดเพดานรายได้ขั้นต่ำลง โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

“รายได้ของมนุษย์เงินเดือนปรับมาอยู่ช่วงหมื่นต้น ๆ เยอะขึ้น ลดลงจากเเต่ก่อน ที่เฉลี่ยราว 2  หมื่นบาท”

กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เคยตั้งเป้าบัตรใหม่ปีนี้ไว้ที่ 2 เเสนใบ เเม้จะเจอสถานการณ์โรคระบาดที่รุนเเรงกว่าที่คาดเเต่จะพยายามให้ไม่ลดลงจากเป้าเดิมมากนัก อาจจะอยู่ที่หลัก 1.7-1.8 เเสนใบ เเละมีเป้าหมายยอดใช้จ่ายโดยรวมที่ 7.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต 45,000 ล้านบาท และยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ 30,000 ล้านบาท


ตลาด ‘สินเชื่อส่วนบุคคล’ ในอาเซียน สดใหม่เเละมีโอกาสสูง

เป็นที่ทราบกันดีว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กำลังเดินหน้าร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรในเครือ MUFG ซึ่งเป็นบริษัทเเม่ ขยายการลงทุนในอาเซียนอย่างเต็มรูปเเบบ เพื่อขึ้นแท่นสถาบันการเงินชั้นนำในภูมิภาค ผ่านการร่วมทุนในประเทศลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์ โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอในตลาดใหม่นี้ ก็คือ สินเชื่อส่วนบุคคลของเฟิร์สช้อยส์

“ธุรกิจผ่อนชำระเเละสินเชื่อส่วนบุคคลในตลาดสปป.ลาว ยังไม่มีคู่เเข่งเยอะ ถือว่ายังมีโอกาสอีกมาก การเติบโตสูง เเต่ความท้าทายก็มีอย่างค่าเงินกีบที่ค่อนข้างผันผวน อีกทั้งคนลาวบางส่วนยังใช้ทั้ง 3 สกุลเงิน คือ กีบ, บาท และดอลลาร์ จึงต้องมีการจัดการเรื่องระบบอัตราการเเลกเปลี่ยนเงินระหว่าง 3 สกุลให้ดี”

ด้านการขยายไปยังกัมพูชานั้น ได้เข้าซื้อหุ้นใน “หัตถา กักสิกรอร์ ลิมิเต็ด” (Hattha Kaksekar Limited : HKL) ที่เป็นธุรกิจไมโครไฟเเนนซ์เเบบมีหลักประกัน ซึ่งปัจจุบัน มีการยกระดับขึ้นมาเป็นธนาคารพาณิชย์เเล้ว จึงมีการเเชร์ฐานข้อมูลลูกค้าเเละขยายบริการได้มากขึ้น

“เศรษฐกิจกัมพูชายังมีโอกาสเติบโตได้มาก การส่งออกดี เราจึงประเดิมเจาะตลาดผ่อนชำระด้วยเเบรนด์เฟิร์สช้อยส์เลย ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงบุกเบิก ในอนาคตจะมีการพัฒนาไปในรูปแบบ 2-in-1 ทั้งผ่อนชำระเเละกดเงินสดได้เเบบเดียวกันเหมือนประเทศไทย”

ส่วนการเจาะตลาดฟิลิปปินส์ มีการเข้าไปร่วมทุน (Joint Venture) โดยถือหุ้น 50% ในเอสบี ไฟแนนซ์ คอมปานี อิงค์ (SBF) บริษัทไฟแนนซ์ในฟิลิปปินส์ ซึ่ง SBF เป็นบริษัทลูกของ Security Bank Corporation ที่ทาง MUFG ถือหุ้นอยู่ เกิดเป็น ‘SB Finance’ ขึ้นมา โดยหลัก ๆ ทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล

สำหรับโอกาสธุรกิจในฟิลิปปินส์นั้นมีสูงมาก จากการมีกลุ่มผู้บริโภควัยทำงานเเละมีการใช้โซเชียลมีเดีย คุ้นเคยกับการ ช้อปปิ้งออนไลน์ เฟิร์สช้อยส์จึงเล็งจะขยายธุรกิจในรูปแบบ 2-in-1 เช่นเดียวกัน เเต่ความพิเศษอยู่ที่จะเป็น ‘ดิจิทัล’


เปิดใจ รับฟัง เเละเรียนรู้อยู่เสมอ

ทุกวิกฤติคือโอกาสในการเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือการไม่ทอดทิ้งลูกค้า ช่วยเหลือลูกค้า พนักงาน เเละพาร์ทเนอร์ให้อยู่รอดผ่านพ้นไปด้วยกัน สิ่งนั้นจะกลายมาเป็น Long-Term Sustainable Growth

“ไม่ว่าจะยุคไหนของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ก็จะเน้นเรื่องหลักธรรมาภิบาลเเละความโปร่งใส รวมไปถึงความสม่ำเสมอในการเติบโต ไม่ยอมเเพ้เเม้จะเกิดเหตุการณ์วิกฤติใด ๆ ขึ้นมา มีกลยุทธ์ใหม่ฝ่าฟันไปได้เสมอ”

ส่วนวันว่างของ ‘พัทธ์หทัย กุลจันทร์’ หรือคุณเเจน เธอชื่นชอบการทำอาหาร เเละ ชอบดู ’รายการทำอาหาร’ เป็นพิเศษ มีบางมุมคิดที่สามารถนำมาปรับใช้กับได้ทำงานได้ อย่างเช่น คนเราจะเก่งคนเดียวไม่รอด ต้องบริหารทีมให้เป็น กำหนดทิศทางให้ชัดเจน ซึ่งนอกจากจะดูเพื่อความสนุกเเล้ว ก็ยังตอบโจทย์ปรัชญาในการทำงานด้วย

โดยหลักคิดในการทำงานของเธอ คือ ให้ความสำคัญกับทีมงาน จะเก่งคนเดียวไม่ได้ เปิดให้พนักงานทุกคนมีโอกาสได้เเชร์ไอเดียเยอะ ๆ ให้โอกาสในการนำมาประยุกต์ใช้ เปิดใจเเละรับฟังความคิดเห็นมากขึ้น คุยกันได้สบายๆ

สำหรับเทคนิคการบริหารคนที่มาจากหลากหลายเจเนอเรชันนั้น สิ่งที่ต้องทำก็คือ การเอาใส่ใจ เเละการ ‘Coaching’ ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา ไม่เเบ่งว่าเป็นใคร ตำเเหน่งอะไร อายุเยอะหรืออายุน้อย ต้องมีความเชื่อมั่นว่าทุกคนมี สกิลในการเรียนรู้สิ่งใหม่

พร้อมฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่นจะก้าวหน้าในหน้าที่การงานว่า…

“จงเรียนรู้เเละทำให้ดีที่สุด พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ พัฒนาทักษะทั้ง Soft Skill เเละ Hard Skill บางอย่างที่เราเคยล้มเหลวก็สู้ต่อไป นำมาปรับปรุงในอนาคต วันหนึ่งเราอาจจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำที่ดีได้ในอนาคต”