ย้อนไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปี 2020 ‘Epic Games’ พยายามที่จะให้ผู้เล่นสามารถชำระเงินเกม Fortnite ผ่านระบบของตนเองได้ โดยไม่ต้องชำระผ่าน App Store เพื่อจะได้ไม่เสียค่าธรรมเนียมส่วนต่าง 30% ให้กับ ‘Apple’ ทำให้ Apple ไม่พอใจถึงกับแบนเกมออกจาก App Store จนนำไปสู่การฟ้องร้องข้อหา ‘ผูกขาด’
ล่าสุด จากการตัดสินของผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางโดยผู้พิพากษา Yvonne Gonzalez Rogers ได้ตัดสินให้ Apple ห้ามไม่ให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ส่งลิงก์หรือการสื่อสารอื่น ๆ ที่นำผู้ใช้ออกจากการซื้อในแอปของ Apple อีกต่อไป จากที่ผ่านมา Apple มีกฎห้ามแจ้งลิงก์ชี้ช่องทางจากภายในแอปเอง โดยอ้างเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
แม้ Apple จะชนะจาก 9 ใน 10 ข้อหา และได้ระบุว่า Apple ไม่ได้ผูกขาด และ ความสำเร็จไม่ผิดกฎหมาย แต่จากนี้เมื่อผู้บริโภคสามารถชำระเงินจากช่องทางอื่นได้ Apple อาจต้องสูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมส่วนต่างของ App Store ที่กำหนดไว้ 15-30% ซึ่ง Apple สามารถทำรายได้จากส่วนนี้ถึง 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และหลังจากศาลตัดสินทำให้หุ้นของ Apple ร่วงกว่า 3%
“ศาลสรุปว่าข้อกำหนดในการป้องกันการบังคับให้ชำระเงินผ่านลิก์อื่นนอกจากภายใน App Store ของ Apple ซ่อนข้อมูลที่สำคัญจากผู้บริโภคและยับยั้งทางเลือกของผู้บริโภคอย่างผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ศาลไม่สามารถสรุปได้ในท้ายที่สุดว่า Apple เป็นผู้ผูกขาดภายใต้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของรัฐบาลกลางหรือของรัฐ” Rogers ระบุ
ทางด้าน Epic Games จะต้องจ่ายค่าส่วนต่าง 30% จากรายได้ที่ได้ย้อนหลัง โดยนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 จนถึงวันพิจารณาคดี โดยเป็นเงินกว่า 3.6 ล้านดอลลาร์ หรือราว 118 ล้านบาท ส่วน Apple มีสิทธิ์ที่จะนำเกมของ Epic Games ออกจาก App Store ได้เช่นเดิม เพราะถือว่าละเมิดสิทธิ์ก่อนจะมีการฟ้องร้อง
Kate Adams ที่ปรึกษาทั่วไปของ Apple กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งกับคำตัดสินของศาล และเราถือว่านี่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับ Apple”
ขณะที่ Tim Sweeney CEO ของ Epic Games วิจารณ์คำตัดสินในแถลงการณ์บน Twitter ว่า “การพิจารณาคดีในวันนี้ไม่ใช่ชัยชนะสำหรับนักพัฒนาหรือผู้บริโภค โดย Epic กำลังต่อสู้เพื่อการแข่งขันที่ยุติธรรมระหว่างวิธีการชำระเงินในแอปและร้านแอปสำหรับผู้บริโภคนับพันล้านราย”