หากเอ่ยถึง Top 5 แบรนด์ผลิตภัณฑ์ยาหม่อง-น้ำมันนวดในใจคนไทยยุคนี้เชื่อว่าแบรนด์ ‘สมุนไพรวังพรม’ น่าจะคุ้นหูหนุ่มสาวออฟฟิศและผู้ชื่นชอบการออกกำลังกาย ซึ่งแม้ตลาดยาหม่อง-น้ำมันนวดจะซบเซาในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ทว่าตลาดสมุนไพรไทยกลับโตสวนกระแส และล่าสุดแบรนด์ ‘สมุนไพรวังพรม’ วางแผนต่อยอดสินค้าจับพืชเศรษฐกิจอย่างกัญชงลงขวดน้ำมันนวดและยาหม่อง พร้อมลุยธุรกิจกัญชงครบวงจร ภายใต้ชื่อ‘บริษัท สัมผัสเวลเนสเฮมพ์ จำกัด’ ในปี 2565
คุณวัชรีภรณ์ วังพรม CFO บริษัท วังพรม เทรดดิ้ง จำกัด และ CEO บริษัท สัมผัสเวลเนสเฮมพ์ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจน้ำมันนวด-ยาหม่องสมุนไพร ตั้งแต่ช่วงเดือน มกราคม-กันยายน 2564 นี้ว่า “ตลาดยาหม่องสมุนไพรช่วง ช่วงปี 2563-2564 ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ทางอ้อมจากมาตรการล็อคดาวน์ที่จำเป็นต้องปิดร้านนวด-สปา-ฟิตเนส จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปทำให้ Demand สินค้าประเภทนี้ที่ส่วนใหญ่นิยมซื้อเป็นของฝากหายไปหมด จึงเหลือเพียงการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก โดยสัดส่วนการใช้ในประเทศคิดเป็นร้อยละ 80 และยังมีส่งออกต่างประเทศบ้างอีกร้อยละ 20 โดยที่ผ่านมา สมุนไพรวังพรมอยู่ในกลุ่ม Top 5 น้ำมันนวดและยาหม่องสมุนไพรยอดนิยมในประเทศไทย”
ในอดีตฐานลูกค้ายาหม่องและน้ำมันนวดวังพรมเป็นเกษตรกรที่ใช้ร่างกายค่อนข้างหนัก ต่อมาได้มีการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มหมอนวดแผนไทย นักกายภาพบำบัดและเทรนเนอร์ฟิตเนสเพื่อให้บริการลูกค้า จึงได้เริ่มขยายฐาน
สู่กลุ่มคนเมือง พนักงานออฟฟิศ ที่ทำงานเคร่งเครียด มีอาการปวดเมื่อยตึงตัวจากออฟฟิศซินโดรม และการ Work from Home ด้วยเนื้อสัมผัสยาที่ดี ให้สรรพคุณจากสมุนไพรแท้จึงกลายเป็นที่นิยมในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
“ปัจจุบันแบรนด์สมุนไพรวังพรมทำการตลาดในรูปแบบ Omni Channel เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้หลายช่องทาง โดยแบบออฟไลน์ (Offline) มีจำหน่ายตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป และแบบ Modern trade และ Convenience Store เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น ส่วนแบบออนไลน์(Online) เข้าถึงทุก Ecommerce Platform อาทิ ชอปปี้ ลาซาด้า เจดีเซ็นทรัล ฯลฯ พร้อมทั้งมีเว็บไซต์ www.wangpromherb.co.th และLine OA ในชื่อ “@wangpromherb” ซึ่งมีผู้ติดตามหลักหมื่น มากที่สุดในกลุ่มสินค้าประเภทเดียวกัน ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนการจำหน่ายช่องทางออนไลน์ คิดเป็น 1 ใน 10 ของการขายทั้งหมด จากในอดีตที่ยอดขายออนไลน์ไม่ถึงร้อยละ 3”
อาจารย์อ๊อดแนะเทรนด์ธุรกิจกัญชงปี 65 ลุยเครื่องสำอางค์ ยาและอาหารเสริม
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มองเทรนของธุรกิจกัญชงในปีหน้า พร้อมแนะนำผู้ที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจในตลาดกัญชงว่า
“เทรนด์ของธุรกิจกัญชงปี 2565 จะเป็นในเรื่องของเครื่องสำอางค์ อาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก โดยจะมีผลิตภัณฑ์ยาบ้างแต่ส่วนแบ่งตลาดไม่มาก และคาดว่าปลายปีจะเป็นของสัตว์เลี้ยงและแอพลิเคชั่นด้านอื่นๆ จึงอยากแนะนำผู้ที่จะเข้ามาทำธุรกิจกัญชงว่าเป็นโอกาสดี ยังถือว่าเป็นการแข่งขันไม่รุนแรง เป็น Blue Ocean เป็นสิ่งใหม่ที่อยู่ในช่วงทดลอง ซึ่งตลาดเองมีความสนใจและมีความต้องการสูงมากโดยเฉพาะกลุ่มสุขภาพ ซึ่งในตลาดโลกธุรกิจกัญชา/กัญชงมีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท ประเทศไทยขอส่วนแบ่งการตลาดเพียง 1% ก็เพียงพอแล้ว”
สมุนไพรวังพรมต่อยอดลุยธุรกิจกัญชงครบวงจร
บริษัท วังพรม เทรดดิ้ง จำกัด มีแผนแตกไลน์ธุรกิจสู่พืชเศรษฐกิจใหม่ นั่นคือ กัญชง ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยได้ศึกษาคุณประโยชน์ของสารซีบีดีในกัญชงเพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภค และนำมาพัฒนาสินค้าใหม่
คุณวัชรีภรณ์ กล่าวว่า “เราตั้งเป้าให้บริษัท สัมผัสเวลเนสเฮมพ์ จำกัด เป็นผู้ผลิตในธุรกิจกัญชงครบวงจรตั้งแต่การปลูก โดยขณะนี้เริ่มต้นสร้างโรงเรือนเพื่อการเพาะปลูกบนพื้นที่ของบริษัทไปแล้ว โดยผลผลิตกัญชงที่ได้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.การทำโรงสกัดเพื่อนำสารสำคัญมาจำหน่ายและ supply ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมกลุ่มสินค้าอุปโภค บริโภค และผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริม และ2.นำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านแบรนด์สมุนไพรวังพรม เพื่อจำหน่าย แก่บุคคลทั่วไป โดยเป็นกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ และดูแลร่างกายรวมไปถึงสินค้า wellness”
สำหรับปลายปี 2564 นี้ บริษัท สัมผัสเวลเนสเฮมพ์ จำกัด อยู่ในขั้นตอนเฟสหนึ่ง สร้างโรงเรือนแบบปิดโดยใช้ระบบสมาร์ทฟาร์ม บนพื้นที่เกือบ 10 ไร่ เพื่อการควบคุมอุณหภูมิ,ความชื้น,สารอาหารและป้องกันแมลง และคัดเลือกเมล็ดพันธ์กัญชงที่ให้ค่าซีบีดีสูง ทั้งนี้บริษัทฯ มีอาคารโรงงานที่นำมาพัฒนาเป็นโรงสกัดและโรงงานผลิตอาหารเสริมจากกัญชงบริสุทธิ์ โดยบริษัทยังเตรียมที่ดินเปล่าไว้อีกกว่า 100 ไร่สำหรับการพัฒนาต่อในเฟสที่ 2 และ 3
“เราเป็นผู้ผลิตโดยเริ่มตั้งแต่การปลูก จนกระทั่งถึงการสกัดสารออกฤทธิ์ แล้วนำเอาสารสกัดนั้นมาผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป เราจึงต้องการควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นจนจบ โดยวางแผนเพาะปลูกฤดูแรกในไตรมาสแรกปี 2565 และคาดว่าสารสกัดแรกจะได้ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเราให้ความสำคัญกับกระบวนการสกัดสารออกฤทธิ์ ที่เด่นในเรื่องความบริสุทธิ์ของสาร และด้วยประสบการณ์ด้านการใช้สมุนไพรไทยมาผลิตสินค้ายาวนานกว่า 30 ปี เรามีแผนจะเปิดตัวสินค้าตัวแรกจากกัญชง ผ่านแบรนด์สมุนไพรวังพรม สู่ผู้บริโภคในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ” คุณวัชรีภรณ์กล่าวทิ้งท้าย