วัตสัน ผนึกความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Beiersdorf, GlaxoSmithKline, Johnson & Johnson, Kao, L’Oréal, Procter & Gamble, Reckitt, Shiseido และ Unilever1 ร่วมเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Choices) โดยมีสินค้ามากกว่า 1,600 รายการเริ่มวางจำหน่ายแล้วภายในร้านวัตสันและวัตสันออนไลน์
คุณมาลีนา ไหง ประธานกรรมการบริหาร เอ.เอส.วัตสัน (เอเชียและยุโรป) กล่าวว่า “การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ลูกค้าให้ความสำคัญและเริ่มตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมจากการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น เราทำงานร่วมกับคู่ค้าระดับโลกอย่างใกล้ชิดเพื่อนำเสนอสินค้า ‘Sustainable Choices’ ซึ่งมีตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายไปจนถึงเส้นผมทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน และช่วยให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อโลกใบนี้”
“เราต้องการสร้างพฤติกรรมและแนวคิดยั่งยืนให้กับลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันและผลิตภัณฑ์เสริมความงามการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือสามฝ่าย ระหว่างเราคู่ค้าระดับโลกและกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลง” คุณมาลีนา กล่าวเสริม
วัตสันตอกย้ำจุดยืนรักษ์โลก
ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าเพื่อความยั่งยืนที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างง่ายดายภายในร้านวัตสัน หรือสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการในหมวด Sustainable Choices ในวัตสันออนไลน์
“กลยุทธ์ O+O ของวัตสัน (ออฟไลน์ พลัส ออนไลน์) ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านธุรกิจและการใช้เทคโนโลยีสำหรับไอเดียใหม่ ๆ เราเปิดตัวสินค้าเพื่อความยั่งยืนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสินค้าบางรายการมียอดขายเติบโตมากขึ้นถึง 300% สะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มลูกค้าของเรากำลังมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ฉะนั้นหน้าที่ของเราคือการทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น” คุณมาลีนา อธิบาย
“ลูกค้าสามารถหาซื้อสินค้าเพื่อความยั่งยืนนี้ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส และเราหวังว่าการเข้าถึงที่แสนง่ายนี้จะช่วยให้ลูกค้าได้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีทั้งต่อตัวเองและสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมา วัตสันได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากลูกค้ากลุ่มแรกๆ และเรามั่นใจว่าลูกค้าต้องชื่นชอบสินค้าเพื่อความยั่งยืนที่เราเตรียมไว้ให้อย่างแน่นอน”
พลังแห่งความร่วมมือเพื่อความยั่งยืน
ความร่วมมือระหว่างวัตสันและคู่ค้าระดับโลกไม่ได้หยุดอยู่แค่การขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์แต่เรายังร่วมมือกันเพื่อจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนอีกด้วย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ วัตสัน ฮ่องกง ร่วมกับ P&G ได้เปิดตัวแคมเปญ ‘Plastic Reborn’ ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือที่มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี โดยลูกค้าสามารถนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกของแบรนด์ใดก็ได้ มาแลกรับของรางวัลจากทางวัตสัน นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 บรรจุภัณฑ์พลาสติกน้ำหนักรวมกว่า 3,400 กิโลกรัม ถูกส่งมาให้วัตสันเพื่อทำการรีไซเคิล
“เราอยากเห็นกิจกรรมจากแคมเปญ Plastic Reborn เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในฮ่องกง และอยากเห็นแคมเปญเติบโตต่อไป เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสังคมและนำมาซึ่งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นในแต่ละปี” คุณอีฟเว็ตต์แฟนกรรมการผู้จัดการและรองประธานบริษัทพรอคเตอร์แอนด์แกมเบิล (ฮ่องกง) จำกัด
ในขณะที่ วัตสันที่จีน ร่วมผนึกกำลังกับ Unilever นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Dove Botanical และถ่ายทอดเรื่องราวของส่วนผสมที่สะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ใช้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Clean Beauty แก่ผู้บริโภคทั้งในร้านวัตสัน และช่องทางออนไลน์ โดยพบว่า สินค้านำร่อง 3 รายการแรกมีอัตราการเติบโตของยอดขายสูงขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
“น่าปลื้มใจมากที่ได้เห็นลูกค้าชื่นชอบผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ และได้เห็นลูกค้ามีการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ดีทั้งกับตัวเองและต่อสิ่งแวดล้อม เราดีใจที่ได้ร่วมงานกับวัตสันเพื่อส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ Clean Beauty เพื่อนำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน” คุณอาเธอร์ลี ผู้อำนวยการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์ความงาม
ในขณะที่วัตสัน ประเทศไทยร่วมมือกับการ์นิเย่จัดตั้ง “Garnier Refun Machine” บริเวณหน้าร้านวัตสัน เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้านำขวดพลาสติก PET มาแลกกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า Garnier Pink Micellar Water
การสร้างโลกให้สวยงามด้วยความยั่งยืนถือเป็นภารกิจสำคัญของการ์นิเย่เราจึงร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจต่าง ๆ เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนี้ร่วมกัน และเรายังยินดีเป็นอย่างยิ่งที่วัตสัน ประเทศไทย เป็นพันธมิตรรายแรกที่เข้ามาดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์เพื่อความยั่งยืนร่วมกัน คุณอินเนสคาลไดรากรรมการผู้จัดการลอรีอัลประเทศไทย, พม่า, ลาวและเขมร
“การเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนตอกย้ำความร่วมมือที่เข้มแข็งของเรากับคู่ค้าและกลุ่มลูกค้า เราตระหนักเป็นอย่างดีว่า ความรับผิดชอบของเราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม เราจึงมีความตั้งใจที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่นำไปสู่โลกที่ยั่งยืนมากขึ้น” คุณมาลีนา กล่าวทิ้งท้าย