ฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ในฐานะหน่วยงานส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ ได้ดำเนินการจัดทำโครงการการยกระดับเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการไทย ให้พร้อมรองรับการทำงานในระดับนานาชาติร่วมกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ
วันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมาทีเส็บ ได้จัดงานเสวนาผ่านระบบออนไลน์ในหัวข้อ “EO: Pro LEAGUE” Get ready for the next level” – โครงการอบรมเชิงธุรกิจเพื่อยกระดับและเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าสำหรับการรองรับโอกาสธุรกิจจากผู้จัดงานแสดงนานาชาติ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติ การบริหารจัดการสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าไทย และแนวทางการสนับสนุนของทีเส็บ ในการยกระดับศักยภาพและพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยสู่ระดับสากล โดยการจัดเสวนาครั้งนีร้มีผู้ประกอบการและนักอุตสาหกรรมในวงการแสดงสินค้าให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า 250 รายจาก 90 บริษัททั่วประเทศ
กิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรระดับแนวหน้าของวงการ 4 ท่านมาร่วมเสวนาในหัวข้อต่างๆ ได้แก่ คุณนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) เสวนาในหัวข้อ “Go Pro: Get Ready for the Next Level of Global Collaboration” โดยมีใจความสำคัญว่า สิ่งที่เราต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วนขณะนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มศักยภาพเท่านั้น แต่ยังจะต้องเพิ่มจำนวนของผู้ประกอบการไทยที่จะสามารถยกระดับตัวเองให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าต่างชาติ มีความพร้อมในการรองรับโอกาสที่เข้าสู่ประเทศไทย เป็นการขยับโปรไฟล์ของตัวเองจากผู้จัดงานในระดับประเทศไปสู่ผู้จัดงานในระดับนานาชาติได้ โดยในขณะนี้ มีจำนวนงานแสดงสินค้านานาชาติที่มีแผนจัดงานในประเทศไทยจำนวนกว่า 70 งานตั้งแต่ปัจจุบันถึงปี พ.ศ. 2565
หากทำเช่นนี้ได้ไม่เพียงแต่จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะยกระดับอุตสาหกรรมเท่านั้นแต่ยังถือว่าเป็นโอกาสสำคัญในการที่จะยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าของภูมิภาคนี้อย่างแท้จริงและอย่างยั่งยืน โครงการนี้จะเป็นประโยชน์โดยตรงให้กับผู้ประกอบการของไทยที่จะหาพันธมิตรนานาชาติในการที่จะมาร่วมกันสร้างจุดยืนให้กับตัวเรา (ผู้ประกอบการไทย) ให้มีความมั่นคงโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้นในระดับนานาชาติ
นอกจากนี้ คุณนิชาภา ยังได้ให้ข้อมูลว่า ในปี พ.ศ. 2566 จะมีจัดกิจกรรมประกาศการจัดงานแสดงที่สำคัญและยิ่งใหญ่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย นั่นคืองาน “Thailand International Air Show” โดยมีสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) รับเป็นเจ้าภาพ โดยมีทีเส็บ ในฐานะหน่วยงานดูแลรับผิดชอบการดึงงานแสดงสินค้าระดับโลกมาจัดในประเทศไทยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดงาน โดยในปี พ.ศ. 2568 จะเป็นการจัดงานแบบ soft launch และปี พ.ศ. 2570 จะเป็นการจัดงานเต็มรูปแบบ และมีกำหนดจัดงานอย่างต่อเนื่องทุกสองปี ณ พื้นที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งงานนี้นับเป็นเวทีหลักที่ผู้ประกอบการไทยในภาคส่วนต่าง ๆ จะได้แสดงศักยภาพการทำงานมาตรฐานสากลร่วมกับผู้จัดงานระดับนานาชาติได้อย่างชัดเจน
คุณประวิชย์ ศรีบัณฑิตมงคล นายกสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA เสวนาในหัวข้อ “Peer to Peer: TEA x TCEB in 2022 Partnership Opportunity” ซึ่งกล่าวถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและสมาคมการแสดงสินค้าไทยในการยกระดับผู้ประกอบการ โดยใช้โครงการนี้ให้เป็นประโยชน์ในการยกระดับความรู้ความเข้าใจในการร่วมเป็นพันธมิตรกับคู่ค้าจากต่างประเทศ โครงการ EO: Pro LEAGUE จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทยและอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าของประเทศไทย โครงการนี้มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ในการจัดการธุรกิจของท่านไปสู่สากลและเสริมสร้างศักยภาพให้กับทุกท่าน ทั้งนี้ สมาคมฯได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการและสมาชิกสมาคมฯได้สมัครเข้าร่วมโครงการนี้เพื่อเปิดโอกาสให้กับตนเอง เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับรองรับธุรกิจหลังจากสถานการณ์โควิดผ่านพ้นไป เพราะประเทศไทยยังคงเป็นเป้าหมายหลักลำดับต้น ๆ ที่ผู้ประกอบการจากนานาชาติให้ความสนใจและต้องการเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร
คุณ Michael Dreyer ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Fair Relations และอดีตกรรมการผู้จัดการโคโลญเมสเซ่ (ว่าที่คู่ค้าต่างชาติที่จะนำโอกาสของธุรกิจการแสดงนิทรรศการนานาชาติเข้ามาจัดในประเทศไทย) เสวนาในหัวข้อ “Pro to Pro: What international show owners are looking for, when it comes to local partnerships” กล่าวถึงการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการให้มีความพร้อมในการรองรับงานแสดงสินค้านานาชาติ โดยฉายภาพผลกระทบจากโควิดในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาว่าธุรกิจหลายรายล้มหายตายจากไป ในขณะที่รายใหญ่ก็ได้มีการกว้านซื้อรายเล็ก การเดินทางข้ามประเทศยังคงมีข้อจำกัด จึงคาดว่าจะส่งผลต่อการจัดงานในระดับโลก สำหรับงานอีเวนต์ในระดับภูมิภาคจะมีโอกาสเกิดมากขึ้น งานระดับโลกจะมีแนวโน้มกระจายงานสู่ตลาดภูมิภาค โดยการมองหาพันธมิตรร่วมจัดงานแสดงสินค้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจการจัดงานในประเทศไทย และยังไฮไลท์ถึงปัจจัยที่ผู้ประกอบการแสดงสินค้าไทยควรรับรู้หากต้องมีการทำงานในลักษณะร่วมทุนกับบริษัทนานาชาติ เช่น ต้องมีองค์ความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญา มีมาตรฐานการทำงานที่มีคุณภาพและชัดเจน และต้องเข้าใจวัฒนธรรมการทำงานที่อาจจะแตกต่างกัน เหล่านี้คือสิ่งที่ผู้จัดงานไทยควรตระหนักไว้
คุณกนกพร ดำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) เสวนาในหัวข้อ “EO: Pro LEAGUE: Take The Next Steps Together” กล่าวว่า EO: Pro LEAGUE เป็นหลักสูตรการอบรมเชิงธุรกิจ หรือ Business Training ครั้งแรกของประเทศไทย ที่มุ่งเน้นให้ความรู้รวมถึงคู่มือในการทำธุรกิจกับต่างชาติในการจัดงานแสดงสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน Partnership Program เพื่อยกระดับผู้จัดงานให้เข้าสู่ EO Pro League Index ของประเทศไทย โดยเป้าหมายของโครงการนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จัดงานต่างชาติว่ามาจัดงานในประเทศไทยแล้ว นอกเหนือจากโอกาสทางธุรกิจ ความพร้อมของศูนย์แสดงนิทรรศการมาตรฐานระดับโลกของเรา และการสนับสนุนของทีเส็บ แล้ว เรายังมีสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) ที่มีความพร้อมและมีศักยภาพช่วยนำทางงานแสดงสินค้านั้นให้ประสบความสำเร็จในประเทศไทย สำหรับผู้จัดงานในไทยจะได้รับการยกระดับศักยภาพการแข่งขัน เพิ่มโปรไฟล์สู่ระดับสากล สามารถร่วมจัดงานกับผู้จัดงานต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการนี้เป็นโครงการระยะเวลา 2 ปีที่เราจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรม ท้ายสุดของโครงการนี้ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการต่อยอดผลักดันให้เข้าสู่เวทีโลกโดยการรับรองของทีเส็บ สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) และหน่วยงานในอุตสาหกรรมแสดงสินค้าระดับโลก
โครงการนี้ เปิดโอกาสกว้างสำหรับผู้จัดงานแสดงสินค้า (Organizer) และผู้ประกอบการด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดงาน (Venue) ผู้ให้บริการขนส่ง (Freight Forwarder) หรือผู้รับเหมาก่อสร้างคูหาแสดงสินค้า (Contractor) มาร่วมเรียนรู้กลยุทธ์ วิธีการ และแผนงานในการทำงานร่วมกับผู้จัดงานแสดงสินค้าจากต่างประเทศในรูปแบบผู้บริหารโครงการ (Show Manager) บริษัทร่วมทุน (Joint Venture) หรือบริษัทควบรวมกิจการ (M&A) ทั้งนี้ ผลลัพธ์ของโครงการนี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าของไทย พร้อมทั้งสร้างโอกาสและความพร้อมในการทำงานร่วมกับผู้จัดงานแสดงสินค้าจากต่างประเทศ อีกทั้งยังร่วมสร้างโอกาสให้กับประเทศในด้านการลงทุน เพิ่มรายได้ทางเศรษฐกิจ พร้อมร่วมส่งเสริมภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าในประเทศไทย
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการ ได้ทางเฟซบุ๊ก Thailand Log-In Events https://www.facebook.com/ThailandLogisticsInfrastructureEvents/