เจ้าของเกม ‘GTA’ ฟันธง ‘Metaverse’ ของ ‘Facebook’ จะไม่ปังเพราะคน ‘เบื่อ’

หากพูดถึงชื่อค่ายเกม ‘Take-Two’ (T2) หากไม่ใช่คอเกมคงไม่คุ้น แต่หากพูดชื่อเกมอย่าง ‘GTA’ (Grand Theft Auto) เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องร้องอ๋อ ซึ่งทาง Strauss Zelnick CEO ของบริษัทได้ออกมาพูดถึง ‘Metaverse’ ของ ‘Facebook’ ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่ามัน ‘น่าเบื่อ’ และบริษัทเขานี่แหละเป็นบริษัท Metaverse ที่ใหญ่ที่สุดในโลก!

Strauss Zelnick CEO ของ Take-Two ค่ายเกมชื่อดังมองว่า วิสัยทัศน์ของ Meta บริษัทแม่ของ Facebook ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อไปหมาด ๆ สำหรับ Metaverse หรือจักรวาลที่เชื่อมต่อแบบดิจิทัลอาจจะ ‘ไม่เป็นที่นิยม’ เนื่องจากสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการเน้นไปที่ความ ‘บันเทิง’ และความ ‘สนุกสนาน’ มากกว่าที่จะใช้ชีวิตจริงเสมือน

“ผมสงสัยว่าเราจะตื่นนอนตอนเช้าและตั้งใจนั่งที่บ้าน ใส่หูฟังของเรา และทำกิจกรรมประจำวันของเราในโลกเสมือนทำไม เราเคยต้องทำแบบนั้นในช่วงการระบาดใหญ่ และเราไม่ได้ชอบมันมากนัก” Strauss Zelnick กล่าว

นอกจากนี้ Strauss Zelnick ยังระบุว่า บริษัทเขาก็เป็น Metaverse เหมือนกัน เพราะหากนิยามถึงโลกดิจิทัลออนไลน์ที่ผู้คนสามารถโต้ตอบโดยใช้อวาตาร์แบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์หลายเครื่อง และนั่นหมายความว่าบริษัทเขาก็เป็นบริษัท Metaverse ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เพราะเกมก็มีสถานะ ‘สถานที่ดิจิทัล’ ที่เราสามารถไปรับความบันเทิง เชื่อมต่อกับคนอื่น ๆ เพื่อพูดคุย เล่น ขับรถ มีส่วนร่วมในกิจกรรมอาชญากรรม เป็นตำรวจที่หยุดการกระทำความผิดทางอาญานั้น และคุณมีความสนุกสนานตลอดทาง ดังนั้นจะเห็นว่า บริษัทเราอยู่ในธุรกิจนั้นแล้ว

“มีคนที่อยู่ในเกม Grand Theft Auto Online, Red Dead Online และ NBA 2K’s Online เขาเข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเกม และเราอาจจะเป็นบริษัท Metaverse ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าดูในแง่ของรายได้และผลกำไร”

ความคิดเห็นของ Zelnick เกิดขึ้นหลังจาก Take-Two ประกาศผลประกอบการดีกว่าที่คาดสำหรับไตรมาสที่แล้ว โดยหุ้น Take-Two พุ่งขึ้น 4.8%

ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta เกี่ยวกับ metaverse คือโลกเสมือนจริงที่ผู้คนสามารถอยู่อาศัย ทำงาน และเล่นได้ ทั้งหมดนี้อยู่ในความเป็นจริงเสมือน โดย Zuckerberg มองว่า metaverse จะเข้าถึงผู้คนนับพันล้านภายใน 10 ปีข้างหน้า และ metaverse อาจเป็นเจ้าภาพการค้าดิจิทัลหลายแสนล้านดอลลาร์ และสนับสนุนงานสำหรับครีเอเตอร์และนักพัฒนาหลายล้านคน

Source