เมื่อตลาดไอทีติดหล่ม ‘เอเซอร์’ ขอลุยตลาด ‘Energy Drink’ ย้ำภาพไลฟ์สไตล์แบรนด์เต็มตัว

หากพูดถึงแบรนด์คอมพิวเตอร์-โน้ตบุ๊ก เชื่อว่าชื่อของ ‘เอเซอร์’ (Acer) เชื่อว่าน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะถือว่าเป็นเบอร์ 1 ในตลาดไทยมาอย่างยาวนาน แต่ถ้าบอกว่าเอเซอร์กำลังขาย Energy Drink หรือ เครื่องดื่มชูกำลัง หลายคนคงคิดว่าอ่านผิดแน่ ๆ แต่ใช่ครับ เอเซอร์กำลังขายเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์ Predator Shot อะไรทำให้เอเซอร์ฉีกแนวจากสินค้าไอที ไปหาคำตอบกัน

ตลาดไอทีเติบโตแต่ติดหล่มซัพพลาย

ภาพรวมตลาดสินค้าไอทีไทยและทั่วโลกในช่วง 2 ปีที่เกิดการระบาดของ COVID-19 ถือว่าได้อานิสงส์จากเทรนด์การใช้งานดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการ Work from Home, Learn from Home ส่งผลให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% แต่ปัญหาที่หลาย ๆ คนรู้ก็คือ ซัพพลายเชน ไม่ว่าจะปัญหาขาดแคลนชิป, ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้สินค้าขาดตลาดไม่พอขาย แม้ปีหน้าคาดว่าปัญหาจะเริ่มดีขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดไอทีอยู่ในช่วงที่ไม่แน่นอน

“แม้สินค้าไอทีมีความต้องการสูง แต่ตอนนี้เรื่องจำนวนสินค้าเราควบคุมลำบากมาก จะเห็นว่ามีปัญหาเยอะและไทยเป็นปลายทางซัพพลายทั้งหมด ดังนั้น เราจึงต้องวางแผนโตเผื่ออนาคต ต้องมีสินค้าไลน์อัพอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์มากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงให้โตอย่างยั่งยืน” นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าว

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าว

เปิดตัว Predator Shot บุกตลาด Energy Drink

ย้อนไปเมื่อ 4-5 ปีก่อนเอเซอร์ต้องการบุกตลาดเกมมิ่งแต่เห็นข้อจำกัดของแบรนด์ เอเซอร์เลยแตกแบรนด์ พรีเดเตอร์ (Predator) โน้ตบุ๊กสำหรับเกมมิ่ง ซึ่งปัจจุบันก็ประสบความสำเร็จคอเกมเมอร์รู้จักแบรนด์ ขณะที่ตลาดเกมมิ่งไทยในปัจจุบันก็เติบโตเร็วมาก โดยคนไทยที่ออนไลน์กว่า 49 ล้านคน และ 27 ล้านคนเล่นเกม

ดังนั้น เอเซอร์จึงนำชื่อของแบรนด์ Predator มาต่อยอดเป็นแบรนด์ Predator Shot เครื่องดื่มชูกำลังสำหรับ Gamer โดยจุดเด่นของแบรนด์จะอยู่ที่สรรพคุณ โดยผสม วิตามิน A และวิตามิน B ที่ช่วยบำรุงสายตา ให้ความสดชื่น เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เวลาอยู่กับคอมพิวเตอร์นาน ๆ โดยเฉพาะเกมเมอร์ ซึ่งในท้องตลาดยังไม่มีแบรนด์ไหนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ชัดเจน

ทั้งนี้ ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไทยมีมูลค่าถึง 30,000 ล้านบาท แต่สัดส่วนกว่า 90% เป็นกลุ่มเอนทรี ราคา 10-15 บาท ขณะที่ กลุ่มพรีเมียม ราคา 15-65 บาท มีสัดส่วน 5-10% เท่านั้น ซึ่งยังไม่มีผู้นำชัดเจน เน้นแข่งกันที่ภาพลักษณ์ และสรรพคุณ โดย Predator Shot เองจะเจาะกลุ่มพรีเมียมวางราคาไว้ที่ 20 บาท

เบื้องต้น Predator Shot จะวางจำหน่ายเฉพาะเซเว่น-อีเลฟเว่นก่อน ส่วนแคมเปญการตลาดจะมีทั้งการทำแคมเปญลุ้นรางวัลใต้ฝามูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท และใช้กิจกรรมการแข่งขันเกมต่าง ๆ ในการสื่อสารสร้างการรับรู้ รวมถึงมีแผนที่จะใช้ อินฟลูเอนเซอร์ด้านเกมและไลฟ์สไตล์ ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งภายในปีแรกตั้งเป้ายอดขายที่ 1.5-2 ล้านกระป๋อง และเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน

“แม้จะฟังดูเป็นธุรกิจที่ไกลตัวเอเซอร์มาก แต่หากดูกลุ่มเป้าหมายนั้นไม่ได้ไกลจากลูกค้าเอเซอร์เลย ยังอยู่ในกลุ่มเป้าหมายหลักทั้งนั้น แน่นอนว่าอาจทำเงินได้น้อยกว่าคอร์บิสซิเนส แต่ถือเป็นการต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่เราเข้าไม่ถึง”

วางแผนเปิดตัวอีกหลายสูตร

สำหรับ Predator Shot ไม่ได้มีขายแค่ไทย แต่มีจำหน่ายในไต้หวันและยุโรป โดยแต่ละประเทศก็จะมีสูตรและขนาดที่แตกต่างกันไป อาทิ สูตรไม่มีน้ำตาลในยุโรป ดังนั้น ต่อไปไทยจะมี Predator Shot รสชาติใหม่ ๆ รวมทั้งสูตรไม่มีน้ำตาลเข้ามาทำตลาดแน่นอน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะทำเครื่องดื่มที่เยาวชนดื่มได้อีกด้วย

“เราไม่ได้ทำ Predator Shot ไว้เป็นกิมมิกทางการตลาดแต่เราทำจริงจัง มีฐานการผลิตในไทย และในอนาคตอาจต่อยอดไปเป็นสินค้าอื่น ๆ อย่างขนมขบเคี้ยวก็เป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจ แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป”

มุ่งสู่ไลฟ์สไตล์แบรนด์เต็มตัว

เครื่องดื่มชูกำลังไม่ใช่แค่สินค้าเดียวที่เอเซอร์ทำนอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แต่ที่ผ่านมามาแบรนด์อย่าง Pawbo ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ Xplova ดีไวซ์สำหรับใช้กับจักรยาน acerpure เครื่องฟอกอากาศ Acer Halo smart speaker ลำโพงอัจฉริยะ ซึ่งในปีหน้าเอเซอร์ระบุว่าจะรุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมากขึ้นอีกเพื่อย้ำภาพการมุ่งสู่ไลฟ์สไตล์แบรนด์เต็มตัว โดยเอเซอร์ตั้งเป้าปรับเปลี่ยนสัดส่วนรายได้จากสินค้าไอทีเป็น 85% อีก 15% เป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ภายใน 5 ปีจากนี้

ถือเป็นอีกภาพสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ที่แบรนด์เองจะอยู่เฉย ๆ อีกต่อไปไม่ได้ ต้องปรับตัวเพื่อสร้างการเติบโต พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอน สำหรับใครที่เป็นสาวกเอเซอร์ก็รอดูได้เลยว่าจะมีไอเทมใหม่ ๆ อะไรมาดูดเงินในกระเป๋าอีกบ้าง