• เอสเอพี ประเทศไทยคว้ารางวัล Best Company to Work for in Asia Awards 2021 จาก HR Asia 2 ปีซ้อน และในเวทีโลกยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดในโลกในปี 2564 จากนิตยสาร Great Place to Work และ Fortune
• เอสเอพีเผยโมเดลการทำงานใหม่ล่าสุด Pledge to Flex ที่มีความยืดหยุ่นและเชื่อถือได้ 100% ตอบโจทย์รูปแบบการทำงานในอนาคต
เอสเอพี ประเทศไทย บริษัทย่อยของเอสเอพีคว้ารางวัล “สุดยอดองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย” (Best Company to Work for in Asia Awards 2021) จาก HR Asia 2 ปีซ้อน และนำโมเดลการทำงานที่ยืดหยุ่นและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ชื่อ “Pledge to Flex” มาใช้เพื่อให้พนักงานในประเทศไทยทำงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
ความไว้วางใจ ความยืดหยุ่นในการทำงาน และการมีส่วนร่วม (Inclusivity) : สามปัจจัยพื้นฐานใหม่สำหรับองค์กรหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
สถานการ์โควิด-19 ทำให้การขับเคลื่อนสู่ดิจิทัล รูปแบบสถานที่ทำงาน ตลอดจนองค์ประกอบของแรงงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น ข้อมูลของ Gartner ระบุว่าภายในสิ้นปี 2564 แรงงาน 3 ใน 10 คนจะทำงานทางไกลจากนอกออฟฟิศ ในขณะที่ 51% ของพนักงานทั้งหมดจะทำงานในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด โดยทำงานจากที่บ้านอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งผลสำรวจกับพนักงานของเอสเอพีก็เป็นในทิศทางเดียวกัน พบว่าพวกเขาต้องการที่จะทำงานแบบไฮบริดและเลือกสถานที่ทำงานในอนาคตได้ โดยกว่า 80% ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน ทั้งนี้ ลักษณะงานในอนาคตจะต้องการทักษะและความสามารถที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง เช่น ทักษะด้านเทคโนโลยีและ Soft Skill เพื่อให้พนักงานทำงานได้
เอทูล ทูลิ กรรมการผู้จัดการ เอสเอพี อินโดไชน่า กล่าวว่า “ความไว้วางใจ ความยืดหยุ่น และการมีส่วนร่วม จะกลายเป็นสามปัจจัยพื้นฐานสำหรับองค์กร ในการออกแบบและทบทวนนโยบายการทำงานให้สอดคล้องกับความคิดเห็นของพนักงาน และปรับปรุงเส้นทางการทำงานของพนักงาน ในส่วนของฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) จำเป็นต้องปรับรูปแบบการทำงานเพื่อผันองค์กรให้กลายเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยบุคลากรมากขึ้น โดยที่ประสบการณ์ของพนักงานและการจัดการประสบการณ์เฉพาะบุคคลจะเป็นสองปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จขององค์กรเอสเอพีเองเมื่อเห็นเทรนด์การทำงานที่เปลี่ยนไป เราจึงได้เริ่มพัฒนาโมเดลการทำงานล่าสุดที่ชื่อว่า ‘Pledge to Flex’ และนำมาปรับใช้ทั่วทั้งองค์กรเพื่อปฏิวัติวิธีการทำงานของเราให้มีความยืดหยุ่น สร้างความน่าเชื่อถือให้กับพนักงานได้ และขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมรับมือกับอนาคต”
‘เทคโนโลยี’ กุญแจสำคัญขับเคลื่อนให้พนักงานมีประสบการณ์ในการทำงานที่ดีขึ้น
“ในโลกการทำงานปัจจุบันพนักงานจะมีความเป็น Digital Native หรือมีความรู้ด้านดิจิทัลมากขึ้น ทำให้พวกเขาเริ่มคาดหวังให้กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ HR มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเทคโนโลยีจะเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดในการบรรลุแนวทางการทำงานที่ยืดหยุ่นของเรา ที่ผ่านมาเราได้ใช้ซอฟต์แวร์ Qualtrics เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะจากพนักงานและโซลูชั่น SAP SuccessFactors เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับพนักงาน ในส่วนของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนจากหลังบ้านเราใช้แพลตฟอร์ม Cloud HR ที่เชื่อมต่อผสานกับการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ เช่น Robotic Process Automation (RPA), แมชชีนเลิร์นนิ่ง, และ Cognitive Agents เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งทำให้การให้บริการด้าน HR ของเราทำได้ในเสกลที่ใหญ่ขึ้นและพัฒนาบริการที่มี Human Touch เข้าใจความต้องการของพนักงานที่เปลี่ยนแปลงไปได้มากขึ้น” เอทูลกล่าวเสริม
อุษา คงถาวรวงศ์ HR Business Partner ของ เอสเอพี อินโดไชน่า กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการพัฒนาบุคลากรของเราให้มีความสามารถสอดรับกับการทำงานในอุตสาหกรรมนี้ เพราะเราเชื่อมั่นว่าศักยภาพของบุคลากรและอุตสาหกรรมไอทีในประเทศไทยยังพัฒนาไปได้อีกไกล เรากำลังเตรียมความพร้อมให้บุคลากรของเรามีศักยภาพเพียงพอสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นด้วยโมเดลการทำงานรูปแบบใหม่” ด้วยโมเดลการทำงานล่าสุด พนักงานของเอสเอพี จะสามารถทำงานจากระยะไกล หรือในสำนักงาน หรือทั้งสองรูปแบบผสมผสานกันและมีตารางการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น สำนักงานจะถูกดีไซน์ใหม่เพื่อช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ สร้างการทำงานเป็นทีมและดีไซน์ให้เหมาะสมกับแต่ละคอมมูนิตี้ของคนในองค์กร รวมถึงลักษณะของงานที่พนักงานต้องทำ ทำให้พนักงานมีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับทุกงาน นอกจากนี้องค์กรยังให้ความสำคัญกับสุขภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับอาคารสำนักงานทุกแห่ง
ในปีนี้เอสเอพี ประเทศไทยได้คว้ารางวัล “สุดยอดองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย” (Best Company to Work for in Asia Awards 2021) จาก HR Asia ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ด้วยความสำเร็จที่สั่งสมมายาวนานในฐานะองค์กรนายจ้างดีเด่น รางวัลนี้ได้เข้ามาตอกย้ำความแข็งแกร่งของเอสเอพีในฐานะองค์กรที่น่าทำงานด้วย
“รางวัลนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในเส้นทางขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับคนในองค์กรมาเป็นอันดับแรก เมื่อเรานำรูปแบบการทำงานใหม่ที่เรียกว่า ‘Pledge to Flex’ มาใช้ เราต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่นและครอบคลุมมากขึ้น โดยสร้างสถานที่ทำงานที่พนักงานไว้ใจได้ ทำให้พนักงานสามารถพัฒนาทักษะและทำงานได้ดีที่สุดในแบบของตนเองรวมถึงมีสถานที่ทำงานที่รู้สึกปลอดภัยในการทำงาน” อุษากล่าวสรุป
เกี่ยวกับ เอสเอพี (SAP)
ในฐานะบริษัทที่ช่วยพลิกโฉมองค์กรลูกค้าสู่อินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ เอสเอพี เป็นผู้นำตลาดซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันระดับองค์กร ที่ได้ช่วยเหลือองค์กรขนาดต่างๆในทุกอุตสาหกรรมให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น โดย 77% ของรายได้จากการทำธุรกรรมของโลกนั้นเกิดขึ้นบนระบบของเอสเอพี นอกจากนี้เทคโนโลยีแมชชีน เลิร์นนิ่ง อินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) และเทคโนโลยีการวิเคราะห์ขั้นสูงของเอสเอพี ช่วยเปลี่ยนธุรกิจของลูกค้าให้เป็นอินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ เอสเอพีช่วยให้ผู้คนและองค์กรเข้าใจในธุรกิจอย่างลึกซึ้ง รวมถึงส่งเสริมการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ เราลดความซับซ้อนของเทคโนโลยีเพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้ซอฟต์แวร์ของเราได้อย่างที่ต้องการและต่อเนื่อง ชุดแอปพลิเคชันและบริการครบวงจรของเอสเอพี ช่วยให้ลูกค้าธุรกิจและภาครัฐกว่า 25 อุตสาหกรรมทั่วโลก สามารถทำกำไร ปรับตัว และสร้างความแตกต่างได้ ด้วยเครือข่ายลูกค้าพาร์ทเนอร์ พนักงาน และผู้นำทางความคิดที่มีอยู่ทั่วโลก เอสเอพีช่วยให้โลกดำเนินงานได้ดีขึ้นและปรับปรุงชีวิตของผู้คน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sap.com