‘Realme’ ปักเป้าขึ้นเบอร์ 3 สมาร์ทโฟนไทยปีหน้า ชูกลยุทธ์ ‘1+5+T’ มัดใจลูกค้ายุค 5G

แม้ ‘Realme’ (เรียลมี) จะไม่ถึงกับเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนหน้าใหม่ในตลาดขนาดนั้น เพราะก่อตั้งแบรนด์มาแล้วตั้งแต่ปี 2561 แต่กลับเป็นม้ามืดที่เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในตลาดโลกและตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการมาของ 5G รวมไปถึงการสะดุดของ Huawei (หัวเว่ย) ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของสมาร์ทโฟนหน้าใหม่จะผงาดขึ้นมา ซึ่งเรียลมีเองก็เร่งเครื่องหวังขึ้นเป็นเบอร์ 3 ในตลาดไทยให้ได้

ย้อนรอย Realme

Realme เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนจากประเทศจีน เริ่มก่อตั้งในเดือนพฤษภาคม 2561 โดย Sky Li อดีตทีมผู้บริหารสมาร์ทโฟน Oppo แบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี โดยหลายคนมักจะพูดว่า Realme ก็คือแบรนด์ลูกของ Oppo ซึ่งทาง Realme ก็ออกมาบอกว่าทาง Oppo เป็นเพียงผู้ผลิตสินค้าให้เท่านั้น แต่ทีมบริหารภายใน Realme ได้แยกจากกันโดยสิ้นเชิง

ตลอด 3 ปีที่ Realme ทำตลาด ปัจจุบันมียอดขายทั่วโลกครบ 100 ล้านเครื่อง โดยในปี 2021 มีอัตราการเติบโต 149% ขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 6 โดยตลาดที่ค่อนข้างโดดเด่นก็คือ อินเดีย ที่สามารถขึ้นเป็นเบอร์ 2 ในตลาด และสำหรับประเทศไทย Realme อยู่อันดับที่ 5 ในตลาด แต่ภายในปีหน้า Realme ต้องการขึ้นเป็น Top 3 หรือมีส่วนแบ่งตลาด 14%

กลยุทธ์ 1+5+T

ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนไทยช่วงไตรมาส 2 เสียวหมี่ (Xiaomi) ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 21% ตามมาด้วย Oppo, Samsung และ Vivo ตามลำดับ ส่วน Realme อยู่อันดับที่ 5 ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 9%

โดย ศิรศร เบญจาธิกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ เรียลมี ประเทศไทย กล่าวว่า Realme ตั้งเป้าที่จะขึ้นเป็นเบอร์ 3 ภายในปีหน้าโดยจะใช้กลยุทธ์ 1+5+T เพื่อสร้าง Realme Ecosystem ให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคอย่างเต็มตัว โดย

  • 1 แทน สมาร์ตโฟนที่จะเป็นศูนย์กลางการควบคุม Ecosystem ทั้งหมด
  • 5 แทนหมวดหมู่หลักของอุปกรณ์ AIoT ทั้งหมด ได้แก่ 1. อุปกรณ์หูฟังไร้สาย 2. อุปกรณ์สวมใส่ 3. โทรทัศน์ 4. แท็บเล็ต และ 5. แล็ปท็อป
  • T ย่อมาจากแบนด์ TechLife ซึ่งทั้งหมดนี้จะมี realme Link แอปพลิเคชันเชื่อมต่อกัน และสร้างเป็น AIoT ecosystem เพื่อให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์ realme สามารถใช้งานร่วมได้อย่างเต็มรูปแบบ

“เรารู้ว่าคู่แข่งเราก็มีสินค้าเหมือนกับเรา แต่จุดอ่อนเขาคือการสั่งงานผ่านแอปต่าง ๆ แยกกัน แต่ของเราสั่งผ่านแอป Realme Link จบที่เดียวไม่ว่าจะมีกี่อุปกรณ์ และเราจะทำราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด โดยปีหน้าคาดว่าจะมีสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มอีกอย่างน้อย 20 Item”

ในส่วนของสมาร์ทโฟน Realme จะโฟกัสที่ตลาด Hi-end โดยเฉพาะ GT Series ราคาอยู่ที่ 13,990-19,990 บาท นอกจากนี้จะเน้นไปที่สมาร์ทโฟน 5G โดยในปี 65 สมาร์ทโฟน 70% จะเป็นรุ่น 5G ซึ่ง Realme เห็นศักยภาพของตลาด 5G ไทยที่ไปพร้อม โดยเชื่อว่าในปีหน้าราคาสมาร์ทโฟน 5G จะเริ่มที่ 6,990 บาท ซึ่งยิ่งทำให้จับต้องง่าย ดังนั้นเชื่อว่า สัดส่วนยอดขายสมาร์ทโฟน 5G ของตลาดสมาร์ทโฟนไทยจะอยู่ที่ 30-40%

“ตลาดมือถือยังเติบโตได้อยู่ เพราะคนขาดมือถือไม่ได้ ยิ่งการที่ 5G ดีขึ้น การมาของเกมออนไลน์ที่เติบโตขึ้น คนที่เขาก็อยากเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โดยตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 8-9 เดือนสำหรับกลุ่มล่าง ส่วนกลุ่มบนประมาณ 1 ปีเปลี่ยน”

ไม่หวั่นปัญหาชิปขาดแคลน พร้อมเพิ่มหน้าร้านเท่าตัว

ในปีหน้า Realme จะเพิ่มหน้าร้านจาก 75 แห่งเป็น 120 แห่ง เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะกับสินค้ากลุ่ม AIoT เพราะพนักงานจะช่วยแนะนำสินค้าให้ลูกค้ารู้จักได้ ขณะที่ตลาดออนไลน์ที่กำลังเติบโต บริษัทก็จะเน้นไปที่การทำโปรโมชันต่าง ๆ พร้อมออกสินค้า Excursive เพื่อกระตุ้นตลาด

“ที่ผ่านมาเรามีบางรุ่นที่ขายเฉพาะออนไลน์ รวมทั้งทำแฟลชเซลล์ในวัน 12.12 โดยสามารถขายได้ถึง 500 เครื่องในไม่กี่นาที”

ปัญหาชิปขาดตลาดที่ผ่านมาส่งผลให้ยอดส่งมอบสินค้าในไทยไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เปลี่ยนซัพพลายเออร์ชิปเจ้าใหม่เป็น UNISOC และมีการจองซัพพลายล่วงหน้า ทั้งนี้ การที่แบรนด์เน้นทำตลาดกลุ่ม Hi-end ก็จะช่วยให้บริษัทมีรายได้มากขึ้น แม้จะขายสินค้าได้น้อยลงก็ตาม

“ปีหน้าทุกแบรนด์จะงัดทุกทางที่จะมาสร้างความแตกต่างเพื่อดึงลูกค้า เราเองก็มั่นใจว่าสินค้าเราครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม แต่ละซีรีส์มีคาแร็กเตอร์ชัดเจน เช่น C Series เน้นผู้สูงอายุ และใช้เป็นเครื่องที่สอง ส่วนไฮเอนด์จะเน้นวัยรุ่นชอบเล่นเกม ซึ่งไฮเอนด์ถือเป็นความท้าทายที่เรายังเข้าไม่ถึง ดังนั้น จึงเป็นกลุ่มที่เราอยากจะไปในปีหน้า”