DMT ปลื้มผลประกอบการ Q4/2564 เติบโต 110% เคาะเงินปันผล 0.32 บาท/หุ้น เดินหน้าขับเคลื่อนพัฒนาองค์กรครอบคลุมทุกมิติ

‘บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง’ หรือ DMT  ไฟเขียวเงินปันผล 0.32 บาท/หุ้น หรือประมาณร้อยละ 93.5 ของกำไรปี 64 ไตรมาส 4/2564 บริษัทฯ มีรายได้ค่าผ่านทาง เป็นจำนวน 384.79 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 110% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ผลจากปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นเป็น 72,396 คันต่อวัน คาดปี 65 รายได้และปริมาณการจราจรโตตามทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มทยอยฟื้นตัว มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีปรับตามพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมเดินหน้าแผนขยายกิจการและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน 3 มิติ
นายธานินทร์ พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในการนำหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 140 ล้านหุ้นเข้าจดทะเบียนฯ และมีการซื้อ-ขายเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ส่งผลให้ ณ 31 ธันวาคม 2564 ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.07 เท่า ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์การต่าง ๆ ได้ และมีความพร้อมในการขยายกิจการในการเข้าร่วมประมูลโครงการที่ภาครัฐเปิดประมูลเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุน (Public Private Partnership) ในระหว่างปี 2565-2566 หลายโครงการ รวมทั้งได้ดำเนินการปรับปรุงระบบการให้บริการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบการจัดเก็บค่าผ่านทาง ระบบการจัดการจราจรและกู้ภัย เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้ทางเกิดความมั่นใจและประทับใจในการบริการ โดยในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ จะเปิดใช้ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางแบบอิเล็กทรอนิคส์ที่ชำระค่าผ่านทางด้วยบัตร M-Pass และ Easy Pass รวมถึงการชำระค่าผ่านทางด้วยบัตร EMV และ QR Payment  นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ศึกษาและพัฒนาระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติ “แบบไม่มีไม้กั้นหรือ M-Flow” ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งช่อง M-Flow Demo Lane Test ที่บริเวณด่านดินแดง จำนวน 2 ช่อง เพื่อทดสอบระบบการตรวจจับยานพาหนะแบบอัตโนมัติ โดยจะมีการทดสอบการเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ Single Platform ของกรมทางหลวงในช่วงต้นปี 2565
ด้วยความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน DMT พร้อมขยายกิจการและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยจะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่มีมานานกว่า 30 ปี เข้าไปร่วมพัฒนาโครงการที่ภาครัฐเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน ทั้งในธุรกิจทางด่วนและทางพิเศษ (Toll Road Business) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต – บางปะอิน (M5) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว (M82) โครงการทางพิเศษสายกะทู้ – ป่าตอง และธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจทางด่วนและทางพิเศษ  (Non-Toll Road Business) อาทิ โครงการพัฒนาจุดพักรถริมทางหลวง (Rest Area) และ โครงข่ายระบบขนส่งรอง (Feeder) โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง
“เรามุ่งมั่นขยายธุรกิจ และจะไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาโครงการใหม่ ๆ และเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างองค์กรยั่งยืน ด้วยการดำเนินการธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี  ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม” นายธานินทร์ กล่าว
ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจและการเงิน DMT เผยว่า ในไตรมาส 4/2564 บริษัทฯ มีรายได้ค่าผ่านทาง 384.79 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 110 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นจาก 34,870 คันต่อวัน ในไตรมาส 3/2564 เป็น 72,396 คันต่อวัน ในไตรมาส 4/2564 เป็นผลมาจากการที่ภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว การเปิดประเทศ และการเปิดภาคเรียนบางส่วนที่มีความพร้อมในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ ที่ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 4/2564 สูงขึ้นกว่าไตรมาส 3/2564 แต่ก็ยังคงต่ำกว่าไตรมาส 4/2563
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณจราจรและรายได้ของบริษัทฯ จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19  ที่มีการ Lockdown 2 ครั้ง ในเดือนพฤษภาคม  และเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม โดยรายได้ค่าผ่านทางลดลงในอัตราร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับปี 2563 แม้ว่ารายได้ค่าผ่านทางจะลดลง แต่บริษัทฯ ก็ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ  และดำเนินการบริหารการจัดการในการลดและควบคุมค่าใช้จ่าย การปรับเลื่อนแผนงานโครงการ ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่บริษัทฯ ได้นำมาปรับใช้เป็นแนวทางดำเนินการเช่นเดียวกับปี 2563 ซึ่งไม่กระทบต่อการให้บริการบนทางยกระดับ
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีอนุมัติให้เสนอการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.32 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ [0.07] บาท เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 ดังนั้น คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายอีกในอัตราหุ้นละ [0.25] บาท โดยบริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 9 มีนาคม 2565 (หรือ XD วันที่ 9 มีนาคม 2565 ) และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 หลังจากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 แล้ว
สำหรับแนวโน้มรายได้และปริมาณจราจรในปี 2565 มีปัจจัยที่ส่งเสริมให้ปริมาณจราจรฟื้นกลับอย่างรวดเร็วตามระดับของมาตรการผ่อนคลายกิจกรรมของภาครัฐต่อเนื่อง การเร่งกระจายการฉีดวัคซีน การเปิดภาคเรียน และแผนการเปิดประเทศที่ภาครัฐเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งจะสนับสนุนการเดินทางและปริมาณจราจรบนทางยกระดับให้เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากลักษณะธุรกิจของบริษัทฯ เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานประเภททางด่วนที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง ดังนั้นจึงคาดว่าธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้จะฟื้นตัวเร็วกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ เพราะทุกภาคส่วนยังจำเป็นต้องมีกิจกรรมการเดินทาง หรือ การคมนาคมยังมีความจำเป็นต่อเนื่องตลอดเวลา และเมื่อพิจารณารูปแบบการการเดินทาง เปรียบเทียบ รถยนต์ส่วนบุคคล รถโดยสารสาธารณะ และรถไฟฟ้าจะเห็นว่าโดยรถยนต์ส่วนบุคคลสามารถบริหารจัดการเรื่อง Social Distancing ได้ดีกว่าการเดินทางโดยรถยนต์สาธารณะและรถไฟฟ้า และลักษณะการเดินทางที่เป็นระบบขนส่งมวลชนประเภทอื่นๆ ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยบวก รวมถึงโครงการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งโดยรอบทางยกระดับดอนเมืองและการขยายตัวของชุมชน ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ตลอดปี 2564 DMT ยังคงดำเนินมาตรการป้องกันและการบริหารจัดการได้อย่างเข้มข้นผ่านทางคณะจัดการเหตุฉุกเฉินโรคระบาด ทำให้บริษัทฯให้บริการกับผู้ใช้ทางยกระดับอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก มีเสถียรภาพ และมีความมั่นคง ตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียได้และยังคงดำเนินมาตรการดังกล่าวในปี 2565” ดร.ศักดิ์ดา กล่าว