โปรแกรมสตาร์ทอัพของ Google Cloud ได้รับการปรับให้สอดคล้องกับ Google for Startups เพื่อให้ลูกค้าสตาร์ทอัพได้รับประสบการณ์การใช้งานที่สอดคล้องกันในผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดของ Google รวมถึงช่วยให้ผู้ก่อตั้งธุรกิจสามารถเข้าถึงแนวทางปฏิบัติแนะนำ โปรแกรม ผลิตภัณฑ์ และผู้ให้คำปรึกษาของ Google ได้
โปรแกรม Google for Startups Cloud จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการใช้งาน Google Cloud ในส่วนของปีแรกเป็นจำนวนเงินสูงสุด 100,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้นที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุน โดยสตาร์ทอัพจะต้องมีหลักฐานยืนยันว่าเคยมีการระดมทุนในระดับ Pre-Seed ถึงระดับซีรีส์ A หากอยู่ในระดับซีรีส์ A การระดมทุนต้องเกิดขึ้นภายใน 1 ปีก่อนสมัครเข้าร่วมโปรแกรม
นั่นหมายความว่าสตาร์ทอัพส่วนใหญ่จะเริ่มสร้างธุรกิจใน Google Cloud ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งช่วยให้บริษัทเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างนวัตกรรม การเติบโต และการได้ลูกค้าใหม่ ในปีที่ 2 ของโปรแกรม สตาร์ทอัพจะได้รับการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการใช้ Google Cloud จำนวน 20% โดยจะได้เครดิตเพิ่มเติมสูงสุด 100,000 เหรียญสหรัฐ
ข้อเสนอใหม่นี้จะช่วยให้สตาร์ทอัพเข้าถึงความสามารถในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) แมชชีนเลิร์นนิง (ML) และข้อมูลวิเคราะห์ของ Google Cloud ได้ง่ายขึ้น รวมถึงสร้างสรรค์และปรับขนาดได้อย่างรวดเร็วบนโครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud ด้วยบริการอย่าง Firebase และ Google Kubernetes Engine (GKE)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอใหม่นี้และข้อกำหนดของการได้รับสิทธิ์ที่นี่
เชื่อมโยงลูกค้าสตาร์ทอัพกับความรู้ความเชี่ยวชาญและการสนับสนุนจาก Google
Ryan Kiskis ผู้อำนวยการฝ่าย Startup Ecosystem ของ Google Cloud กล่าวว่า “ปีที่แล้วเราได้เปิดตัวทีมระดับโลกที่ดูแลเรื่องความสำเร็จของสตาร์ทอัพในฐานะตัวแทนของ Google Cloud ซึ่งมีไว้สำหรับสตาร์ทอัพที่กำลังพัฒนาธุรกิจในโปรแกรมของเราโดยเฉพาะ ปัจจุบันทีมนี้สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เราจึงขยับขยายทีมเพื่อรองรับสตาร์ทอัพทั้งหมดที่อยู่ในระยะเริ่มต้นและมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ในโปรแกรม Google for Startups Cloud ทีมที่คอยให้คำแนะนำเหล่านี้จะทำความเข้าใจความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของสตาร์ทอัพแต่ละรายตลอด 2 ปีที่อยู่ในโปรแกรม และจะช่วยเชื่อมโยงสตาร์ทอัพเข้ากับทีม Google ที่เหมาะสมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านเทคนิค การเข้าสู่ตลาด หรือตอบคำถามเรื่องเครดิตตลอดทั้งโปรแกรม เมื่อลูกค้ามีความเชี่ยวชาญและใช้งาน Google Cloud มากขึ้น พวกเขาจะได้ทำงานร่วมกับทีมดูแลลูกค้าของเราซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสตาร์ทอัพเพื่อต่อยอดเส้นทางการพัฒนาธุรกิจต่อไป”
นอกจากจะได้รับคำปรึกษา ทรัพยากรที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้า และการสนับสนุนด้านเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ Google แล้ว สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมจะมีสิทธิ์รับผลประโยชน์เพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์ Google เพื่อช่วยในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งรวมถึง Google Workspace, Google Maps และอื่นๆ ผู้ก่อตั้งสามารถเรียนรู้จากเวิร์กช็อป กิจกรรม และหลักสูตรฝึกอบรมด้านเทคนิค ตลอดจนเข้าร่วมโปรแกรมต่างๆ ของ Google for Startups และรับข้อเสนอสำหรับพาร์ทเนอร์ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสตาร์ทอัพที่พร้อมให้การสนับสนุนผ่านชุมชนดิจิทัล C2C Connect ใหม่ที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ก่อตั้งและ CTO ที่กำลังพัฒนาธุรกิจบน Google Cloud โดยเฉพาะ
ช่วยให้สตาร์ทอัพมุ่งเน้นไปที่การสร้างนวัตกรรม ไม่ใช่โครงสร้างพื้นฐาน
การใช้ข้อเสนอแบบ Serverless ที่มีการจัดการครบวงจรของ Google Cloud เช่น Cloud Run, Firestore, Firebase และ BigQuery จะช่วยให้สตาร์ทอัพได้ใช้เวลาไปกับการดำเนินการตามแผนงานแทนการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน สตาร์ทอัพที่เริ่มจากการทำผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอเพียงคุณสมบัติหลักๆ (Minimum Viable Product หรือ MVP) แล้วจึงค่อยปรับขนาดให้พัฒนามากขึ้นไม่จำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เพราะบริการ Google Cloud จะปรับขนาดไปพร้อมกับธุรกิจ
“เมื่อใช้ Google Cloud สตาร์ทอัพจะได้รับสิทธิประโยชน์จากทั้งธุรกิจและพาร์ทเนอร์เทคโนโลยีที่จะให้ความช่วยเหลือทั้งในด้านการพัฒนาธุรกิจและการเข้าสู่ตลาด เราจะทำงานร่วมกับผู้ก่อตั้งตั้งแต่การสร้างต้นแบบระยะเริ่มต้นไปจนถึงการปรับขนาดสู่ระดับสากลเพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ สตาร์ทอัพทั่วโลกต่างเลือกพัฒนาธุรกิจกับ Google Cloud มาร่วมมือกับเราและแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน” Kiskis กล่าวปิดท้าย