“โลตัส” เปิดโมเดลใหม่สไตล์ Open Air Mall มุ่งสู่การเป็น Smart Community Center


โลตัสสร้างเซอร์ไพร์สแก่วงการค้าปลีกอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวไฮเปอร์มาร์เก็ตโมเดลใหม่ ในสไตล์ Open Air Mall จุดเด่นอยู่ที่การเพิ่มพื้นที่เช่าในส่วนเอาท์ดอร์ พร้อมกับดึงแม็กเน็ตด้วยร้านอาหารใหม่ๆ ที่ไม่เคยเปิดที่โลตัสมาก่อน ประเดิมสาขาเลียบคลอง 2 เป็นที่แรก พิกัดโซนซาฟารีเวิลด์ ใกล้คลองสามวา (Google map : https://goo.gl/maps/dryWBnbt9CSwTbiq8)  ตอกย้ำเป้าหมายในการมุ่งสู่การเป็น Smart Community Center


โมเดลใหม่สไตล์เอาท์ดอร์

ต้องบอกว่าเทรนด์ของค้าปลีกในปัจจุบัน โลเคชั่นสุดปังอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว แต่ต้องมีคอนเทนต์ใหม่ๆ รูปแบบใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค ยิ่งมีแม็กเน็ตดึงดูดมากเท่าไหร่ ผู้บริโภคยิ่งให้ความสนใจมากขึ้นเท่านั้น

เห็นได้ชัดจากการปรับตัวของ “โลตัส” ไฮเปอร์มาร์เก็ตอันดับหนึ่งในประเทศไทย จะเห็นได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้โลตัสได้ปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโปรโมชัน ปรับโมเดลร้านค้าใหม่ๆ สรรหาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

ยิ่งไปกว่านั้นคือการสร้างเสียงฮือฮาเมื่อมีการเปิดตัวบิ๊กโปรเจ็คต์อย่าง “โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์” ที่เป็นการพลิกโฉมภาพไฮเปอร์มาร์เก็ตแบบเดิมๆ สู่ภาพโลตัสที่ทันสมัยมากขึ้นในทันที

ล่าสุดโลตัสได้สร้างเซอร์ไพร์สอีกครั้งด้วยการเปิดตัวสาขาใหม่เลียบคลอง 2 เป็นสาขาแรกของปี 2565 ไฮไลท์ของสาขาเรียกว่าเป็นสาขาโมเดลใหม่สไตล์ Open Air Mall นอกจากจะมีดีไซน์ที่โดดเด่น แปลกตาจากสาขาปกติแล้ว มีการเพิ่มพื้นที่เช่าเอาท์ดอร์สำหรับร้านอาหารมากขึ้น พร้อมกับดึงร้านอาหารแบรนด์ดัง และมี Food Truckสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยอีกด้วย

นางสาวเบญจวรรณ อ่องศรี ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายศูนย์การค้าและพื้นที่เช่า โลตัส กล่าวว่า

“เป้าหมายของโลตัส คือการเป็น Smart Community Center ที่เป็นจุดศูนย์รวมสำหรับการใช้ชีวิตในแบบสมาร์ทของลูกค้า นอกเหนือจากการเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าคุณภาพสูงครบครัน ยังต้องเป็นพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมอื่นๆ ของลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นรับประทานอาหาร จับจ่ายใช้สอย ใช้บริการ รวมถึงเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โลตัส ไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบสมาร์ทของลูกค้า รวมถึงการปรับศูนย์การค้าและพื้นที่เช่า”

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลตัสเปิดโมเดลใหม่แบบ Open Air Mall นั้น นอกจากจะเป็นเรื่องของการปรับตัวเรื่องของธุรกิจค้าปลีกแล้ว การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ยังสร้างแรงกระเพื่อมสำคัญที่ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัว คำนึงถึงความสะอาด ความปลอดภัยมากขึ้นด้วย

เพราะผู้บริโภคคำนึงถึงเรื่องสุขอนามัย  หลายคนกังวลเรื่องการมาช้อปปิ้งในศูนย์การค้าแล้วต้องเจอกับอากาศปิดในห้องแอร์ การเปิดพื้นที่แบบ Open Air ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในด้านความปลอดภัยและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

จึงเป็นเหตุผลที่โลตัสนำคอนเซ็ปต์ Open Air Mall มาต่อยอดสำหรับโลตัส สาขาเลียบคลอง 2 ซึ่งเป็นสาขานำร่องในรูปแบบนี้ นอกเหนือจากความแตกต่างด้านการออกแบบ และการจัดสรรพื้นที่แล้ว ยังมีผู้เช่ารายใหม่มาเป็นพันธมิตรและเพิ่มความหลากหลายนอกเหนือจากแบรนด์ยอดนิยม อาทิ Bonchon และ Salad Factory ที่เปิดสาขาแรกในโลตัส

รวมถึงการจัดกิจกรรม Food Truck Market, Artist Market ของคนรุ่นใหม่ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอดทั้งปี เพื่อสร้างสีสันและเติมเต็มประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นแพลทฟอร์มแห่งโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ SME ในการเข้าถึงลูกค้าและขยายตลาดผ่านโลตัส


รีเทลสุดสมาร์ท

หลังจากที่เมื่อต้นปี 2564 โลตัสได้มีการรีแบรนด์ครั้งใหญ่จาก Tesco Lotus สู่ Lotus’s เรียกว่าเป็นการก้าวสู่ Retail 4.0 อย่างเต็มตัว ซึ่งตัว s เป็นการสื่อถือ Smart ที่ครอบคุลมทุกด้าน ทั้งอาหาร ช้อปปิ้ง บริการ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันและอนาคต สะท้อนถึงประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ทันสมัยยิ่งขึ้นและสดใสกว่าเดิม เพื่อให้ลูกค้า รู้สึกดีดี ทุกวัน ที่โลตัส

โดยเครื่องหมาย ’ ที่ออกแบบแทนเครื่องหมาย Dropped Pin สื่อถึงการเป็นจุดหมายปลายทาง เป็น Food Destination ของผู้บริโภค สะท้อนแนวคิดของแบรนด์โลตัสที่ปรับกลยุทธ์ มุ่งสู่การเป็นห้างรีเทลในแนวคิดสุดสมาร์ท


ไม่ใช่แค่ที่ช้อปปิ้ง แต่ต้องเป็น Smart Community Center

สำหรับโลตัสในโมเดลใหม่นี้ เป็นการตอกย้ำแนวคิด Smart Community Center ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะโลตัสไม่ใช่เป็นแค่แหล่งช้อปปิ้งอีกต่อไป แต่ขอเป็นจุดศูนย์รวมในการใช้ชีวิตในแบบสมาร์ท ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ช้อปปิ้งได้อย่างเพลิดเพลิน เพิ่มเติมจากการเป็น Food Destination

สรุป 11 จุดเด่นของโลตัส สาขาเลียบคลอง 2

  1. โลตัสสาขาแรกที่ถูกออกแบบในสไตล์ Open Air Mall มีพื้นที่ศูนย์การค้าทั้งเอาท์ดอร์ และอินดอร์
  2. ดึงพันธมิตรแบรนด์ดังและได้รับความนิยมจากลูกค้า อาทิ Bonchonและ Salad Factory เปิดตัวสาขาแรกในโลตัส
  3. มี IT Zone รวมร้านค้าชั้นนำ จำหน่ายอุปกรณ์ IT และ Gadget ครบครัน
  4. Food Truck Market เปิดพื้นที่ให้คนตัวเล็กสามารถมาจำหน่ายอาหารนานาชนิด ในรูปแบบ Food Truck โดยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอดทั้งปี
  5. Artist Market เปิดพื้นที่ให้แบรนด์ SME รวมถึงศิลปินท้องถิ่น นำสินค้ามาจัดแสดง และจำหน่ายตลอดทั้งปี
  6. มีพื้นที่ Outdoor โต๊ะและเก้าอี้สำหรับพักผ่อนและรับประทานอาหาร ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
  7. Pet-friendly zone ที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาร่วมทำกิจกรรมกับเจ้าของได้
  8. ไฮเปอร์มาร์เกตขนาด 4,000 ตารางเมตร ที่เสริฟความสดใหม่ และความหลากหลายของสินค้าอุปโภค บริโภคอย่างครบครัน
  9. โลตัส สาขาเลียบคลอง 2 เป็นสาขาใหญ่สาขาแรกที่เปิดในปี 2565
  10. เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิต และความชอบที่หลากหลาย มีร้านที่เปิดบริการตั้งแต่เช้า เช่น Flash coffee และร้านอาหารเปิดให้บริการจนถึงดึก พร้อมด้วยบริการ True 5G
  11. ตอบโจทย์สังคมไร้เงินสด ด้วยบริการรับชำระเงินด้วย e-money wallet และ true money wallet

นอกเหนือจากคอนเซ็ปต์ Open Air Mall แล้ว ต้องเตรียมจับตาดูความเคลื่อนไหวของโลตัสให้ดี เพราเชื่อว่าต้องมีอีกหลายโปรเจ็คต์ที่เรียกเสียงว้าวได้อีกมากมาย โลตัสไม่หยุดยั้งในการพัฒนาศูนย์การค้าในอีกหลากหลายรูปแบบให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ และการใช้ชีวิตที่มีความต้องการหลากหลายมากขึ้น ทั้งสำหรับสาขาที่เปิดใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม

เพื่อเป้าหมายในการมุ่งสู่การเป็น Smart Community Center รวมถึงบิ๊กโปรเจ็คต์อย่าง “โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์” ที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี เชื่อว่าจะสามารถสร้างความตื่นเต้นให้ผู้บริโภคได้มากพอสมควร