การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล่าช้ามามากกว่า 1 ปีเพราะชิปขาดแคลน ปัญหาชิปยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ปัญหาใหม่ตามมาอีกแล้วจากวัตถุดิบ “นิกเกิล” ที่ราคาพุ่งสูง หลังการคว่ำบาตร “รัสเซีย” แหล่งผลิตนิกเกิลอันดับ 3 ของโลก ซึ่งเป็นแร่จำเป็นสำหรับผลิตแบตเตอรีขั้นสูงใน “รถยนต์ไฟฟ้า”
ราคา “นิกเกิล” ขึ้นไปแตะราคาประวัติศาสตร์ที่ 100,000 เหรียญต่อตัน (ประมาณ 3.3 ล้านบาท) ในช่วงสัปดาห์นี้ เทียบกับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ราคายังวิ่งอยู่ไม่เกิน 25,000 เหรียญต่อตัน (ประมาณ 8.3 แสนบาท) การพุ่งขึ้นของราคานิกเกิลเชื่อมโยงกับเหตุคว่ำบาตร “รัสเซีย” เพื่อตอบโต้การเข้าโจมตีทางทหารในยูเครน ล่าสุดราคาเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2022 ราคาปรับมาอยู่ที่ 48,000 เหรียญต่อตัน (ประมาณ 1.59 ล้านบาท)
รัสเซียเป็นแหล่งผลิตนิกเกิลที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ สามารถขุดแร่นิกเกิลได้ 250,000 เมตริกตันเมื่อปี 2021 แร่ชนิดนี้ใช้สำหรับทำแบตเตอรีในรถยนต์ไฟฟ้า และนำไปผลิตสเตนเลส
เมื่อซัพพลายส่อเค้าลดลงฮวบฮาบจากการคว่ำบาตร ราคาจึงพุ่งสูง “แดน ไอฟส์” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก Wedbush Securities ประเมินว่า น่าจะกระทบราคาการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉลี่ย 1,000 เหรียญสหรัฐต่อคันเลยทีเดียว (ประมาณ 33,000 บาทต่อคัน)
“ความผันผวนกลายเป็นความปกติไปแล้ว” ไซมอน มัวร์ส ซีอีโอบริษัท Benchmark Mineral Intelligence กล่าว “นอกเสียจากว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรีมีสัญญาซื้อซัพพลายวัตถุดิบระยะยาวที่แน่นหนามาก หรือว่าเป็นเจ้าของเหมืองแร่เอง พวกเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากยอมรับราคาสูงเสียดฟ้าแบบนี้”
ไม่เฉพาะนิกเกิลเท่านั้น แร่อื่นๆ ที่อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องการเช่น พัลลาเดียม ลิเธียม โคบอลต์ ต่างก็ขึ้นราคากันถ้วนหน้า ทำให้ภาพรวมการผลิตแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าจะกดราคาลงได้ยากขึ้นมาก แม้ว่าเทคโนโลยีการผลิตจะดีขึ้นก็ตาม
มัวร์สกล่าวว่า กลุ่มผู้ผลิตรถยุโรปจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะพึ่งพิงนิกเกิลจากรัสเซียมากที่สุด โดยแหล่งผลิตแบตเตอรีสำคัญของยุโรปอยู่ในฟินแลนด์และเยอรมนี
“เรื่องย้อนแย้งที่ขมขื่นที่สุดของสถานการณ์นี้คือ ที่ผ่านมายุโรปต้องการจะเลิกพึ่งพิงน้ำมันจากรัสเซีย ด้วยการเปลี่ยนตัวเองจากการใช้รถยนต์สันดาปมาเป็นรถอีวี แต่ที่สุดแล้วกลับต้องพึ่งพิงนิกเกิลจากรัสเซียอยู่ดี” มัวร์สกล่าว
