ดาวรุ่งเเห่งรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla กำลังตามหาเเหล่งขุมทรัพย์ “เเบตเตอรี่” โดยเริ่มเจรจาลงทุนกับรัฐบาลอินโดนีเซีย ประเทศผู้ผลิต “แร่นิกเกิล” มากที่สุดในโลก
มีกระเเสข่าวก่อนหน้านี้ว่า Tesla กำลังเจรจากับบริษัท Giga Metals และ Vale ในแคนาดาเพื่อจัดหาเเร่นิกเกิล วัตถุดิบสำคัญของการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เเละคราวนี้ก็มาถึงการเจรจาลงทุนกับรัฐบาลอินโดนีเซีย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล บอกกับ Reuters ว่า “เป็นการหารือในช่วงแรก และตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียด จะต้องมีการคุยกับ Tesla เพิ่มเติมต่อไป โดยอินโดนีเซียมีสิ่งจูงใจหลายอย่างสำหรับการลงทุนของธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า”
อินโดนีเซีย เป็นผู้ผลิตเเร่นิกเกิลรายใหญ่ที่สุดของโลก เเละมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 46% เป็น 550,000 ตันต่อปี
ไม่นานมานี้ รัฐบาลมีคำสั่ง “ห้ามส่งออกแร่นิกเกิล” เพื่อหันมาส่งเสริมให้อุตสาหกรรมในประเทศ ดังนั้นหาก Tesla ต้องการจะได้เเร่นิกเกิลของอินโดนีเซีย ก็ต้องมีการลงทุนเพื่อแปรรูปในประเทศนั่นเอง
ที่ผ่านมา Tesla ว่าจ้างให้บริษัทผู้ผลิตหลายรายทำแบตเตอรี่ให้ ทั้ง Panasonic ของญี่ปุ่น เเละ Contemporary Amperex Technology (CATL) ของจีน เเต่เเผนต่อไปของ Tesla ว่าคือการหันมาผลิตแบตเตอรี่เอง เพราะมองว่าจะเป็นผลประโยชน์ของบริษัทในระยะยาวมากกว่า เเละจะทำให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้า “ถูกลง” ในอนาคต
การร่วมลงทุนกับรัฐบาลอินโดนีเซีย จึงเป็นเหมือนการ “จองวัตถุดิบ” เพื่อผลิตแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมหาศาล
ในขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก แต่นักเคลื่อนไหวบางกลุ่มกังวลว่า การผลิตชิ้นส่วนและการขุดเเร่ต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจทำลายสิ่งแวดล้อม
เมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลอินโดนีเซียได้บรรลุข้อตกลงกับ LG Chem ของกาหลีใต้ และ CATL ของจีนเพื่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ในประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมนี้ของอินโดนีเซียเริ่ม “เนื้อหอม” ขึ้นมาทันที ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศของการผลิตแบตเตอรี่ ที่จะดึงดูดบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อีกหลายเจ้าเข้ามาลงทุนต่อไป
- “เวียดนาม” ซุ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า เตรียมเปิดตัวโมเดลแรกที่สหรัฐฯ ปลายปีนี้
- จีนจ่อขึ้นแท่น “ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า” ใหญ่สุดในโลกช่วงสิ้นปี 63 ทะลุ 1.2 ล้านคัน
- “วิลเลี่ยม หลี่” เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า Nio มหาเศรษฐีฉายา “อีลอน มัสก์” สัญชาติจีน