ตั้งแต่การมาของ ‘บล็อกเชน’ (Blockchain) เทคโนโลยีที่ว่าด้วยระบบการเก็บข้อมูล (Data Structure) แบบไม่มีตัวกลาง ส่งผลให้มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมามากมาย โดยเฉพาะ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และได้เป็นการถือกำเนิด Non-fungible token หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า ‘NFT’ และดูเหมือนสิ่งนี้จะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคตที่มาควบคู่ไปกับ เมตาเวิร์ส (Metaverse)
NFT คืออะไร?
หลายคนคงได้ยินคำว่า NFT กันมาบ้าง แต่อาจจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทำอะไรได้กันแน่ ซึ่งจริง ๆ แล้ว NFT ถือเป็นคริปโตเคอร์เรนซีรูปแบบหนึ่งที่ใช้แสดงถึงความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ โดยจะมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่สามารถทดแทนได้ ถือเป็นสินทรัพย์ที่ ไม่ซ้ำใคร ในโลกดิจิทัล โดยยังสามารถซื้อและขายได้เหมือนกับทรัพย์สินอื่น ๆ
ปัจจุบัน NFT ได้ถูกนำไปใช้ในวงการศิลปะไม่ว่าจะเป็น ภาพวาด ภาพกราฟิก วิดีโอ และเพลง โดยถือว่า NFT กลายเป็นวิธีสากลสำหรับครีเอเตอร์ในการเป็นเจ้าของ ควบคุม และ ได้รับประโยชน์ จากการสร้างสรรค์ผลงานของพวกเขา
เติบโต 21,000% ในปีเดียว
หลายคนคงเคยเห็นกระแสการขาย NFT ในต่างประเทศกันมาบ้าง อย่าง ชายอินโดนีเซียถ่ายรูปตัวเองทุกวันตลอด 5 ปี เพื่อขายเป็น NFT ทำเงินกว่า 33.7 ล้านบาท เลยทีเดียว โดยข้อมูลจาก NFT Nonfungible.com ได้เปิดเผยว่า ในปี 2021 ที่ผ่านมามียอดขาย NFT ถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเติบโตถึง 21,000% จากปี 2020 มียอดรวม 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่ผ่านมา มีภาพของศิลปิน Beeple ที่ถูกประมูลไปถึง 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Christie ในขณะที่คอลเลกชั่น NFT ยอดนิยมอย่าง Bored Ape Yacht Club หรือ ภาพลิงขี้เบื่อ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจำนวนทั้งหมดอยู่ที่ 10,000 ชุด และแต่ละชุดจะมีลักษณะที่แตกต่างกันไป โดยก็มีคนดัง ๆ อย่างได้ Jimmy Fallon และ Snoop Dogg เป็นหนึ่งในลูกค้าอีกด้วย
“เราเห็นการเติบโตแบบทวีคูณในปีที่ผ่านมา” Gauthier Zuppinger ผู้ร่วมก่อตั้ง Nonfungible.com กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาด NFT จะเติบโตสูงมาก แต่ก็ยังต่ำกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ โดยจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้จากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Chainalysis ระบุว่า ตลาด NFT จะมีมูลค่ามากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว แต่ทาง Zuppinger ก็ระบุว่า ตัวเลขที่บริษัทแทร็กได้นั้นนับเฉพาะการซื้อ-ขายที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
แน่นอนว่า NFT เป็นวิธีที่ใช้ในการสร้างคุณค่าและพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเนื้อหาดิจิทัล แต่นักวิจารณ์หลายคนมองว่า ผู้ที่กำลังเข้าสู่ตลาดมักมองถึงเรื่องการ เก็งกำไร และมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีการใช้ NFT เพื่อ ฟอกเงิน รวมถึงทำเรื่องไม่ดีอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน มี Wallet ที่เข้ารหัสลับซึ่งเป็นของผู้ซื้อ-ขาย NFT มากกว่า 2.5 ล้านแห่ง เพิ่มขึ้นจากเพียง 89,000 แห่ง ในปี 2020 ขณะที่จำนวนผู้ซื้อ NFT เพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านราย จาก 75,000 ราย โดยนักลงทุนสามารถสร้างกำไรจากการขาย NFT รวมแล้วกว่า 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยจำนวน Wallet กว่า 470 แห่ง สามารถทำกำไรได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเภท NFT ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ของสะสม ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการขาย 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วย Gaming NFTs เช่น Axie Infinity โดยมียอดขาย 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม Zuppinger มองว่ามูลค่าธุรกรรม NFT โดยรวมปีนี้จะ ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 687 ล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์จนถึงปี 2022 โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ย 620 ล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021
“สิ่งที่น่าสนใจคือ เราอาจเห็นคนน้อยลง ผู้ซื้อน้อยลง ขายน้อยลง เนื่องจากบางคนอาจเลิกสนใจ หรือไม่ก็เพราะการเก็งกำไรที่มากเกินไป แต่มูลค่าของสินทรัพย์เหล่านี้บางส่วนก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” Zuppinger กล่าว
Zuppinger คาดการณ์ว่าบริษัทขนาดใหญ่และสถาบันการเงินจะเข้าสู่ตลาด ในขณะที่สินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรจะเริ่มหายไป