เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร (DX) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความจำเป็นที่องค์กรธุรกิจควรต้องปรับใช้กลยุทธ์ปฏิรูปสีเขียว (Green Transformation) อันมีสาเหตุมาจากราคาพลังงานโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน อีกทั้งความจำเป็นในการจัดการต้นทุนและการเป็น ‘บริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม’ มีความสำคัญมากขึ้นในยุคสมัยนี้ ทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนตัวเร่งให้องค์กรธุรกิจต้องปรับตัว
ตามที่รัฐบาลไทยได้ให้คำมั่นแถลงในการประชุมสมัชชารัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (UN Climate Change Conference of the Parties: COP 26) ว่าด้วยการยกระดับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทยเป็นร้อยละ 40 พร้อมทั้งมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี พ.ศ. 2593 และปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี พ.ศ.2608 และจากดัชนีความเสี่ยงทางด้านภูมิอากาศ ประเทศไทยถือเป็นประเทศลำดับต้น ๆ ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างปี พ.ศ. 2543 ถึง 2562 ตลอดจนความความผันผวนของราคาพลังงานโลกที่สูงขึ้น ดังนั้นองค์กรต่าง ๆ จึงควรแสดงให้เห็นถึงบทบาทการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อประเทศไทย และการร่วมกับประชาคมโลกเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการเกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming) ให้ได้
อิชิโร ฮาระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในขณะที่การลดก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมคือหน้าที่ของพวกเราทุกคน บริษัทต่าง ๆ สามารถนำร่องการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยการนำกลยุทธ์ปฏิรูปสีเขียวมาใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อลดผลกระทบต่อโลก แนวทางการปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เอบีม ขอเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้บริษัทไทยพิจารณาการเปลี่ยนแปลงแผนงานเชิงกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน” ความท้าทายของบริษัทจำนวนมากคือการหาสมดุลระหว่างวัตถุประสงค์การจัดการองค์กรและการปฏิรูปสีเขียว เอบีม คอนซัลติ้ง ร่วมกับ สถาบันด้านการวิจัยของญี่ปุ่น (JRI) ได้เสนอแนะหน้าที่ประการเพื่อเป็นแนวทางให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายการปฏิรูปสีเขียว ดังนี้
กำหนดแผนงานความเป็นกลางของคาร์บอน
การกำหนดแผนงานที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดการปฏิรูปสีเขียวนั้นจำเป็นที่จะต้องสรรหามาตรการลดก๊าซเรือนกระจกหลายรูปแบบและนำมาเรียงลำดับตามความคุ้มค่าทางด้านการลงทุน ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนในมาตรการนั้น ๆ อาจมีความผันผวนตามราคาของพลังงาน ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจจึงจำเป็นต้องประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนในมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงในตลาด และแผนงานดังกล่าวจะต้องมีความยืดหยุ่นพอที่จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
มาตรการความร่วมมือกับห่วงโซ่อุปทานเพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ในขณะที่การประสานงานและต้นทุนจะสร้างปัญหาให้กับบริษัทในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน การทำงานร่วมกันระหว่างบริษัททั้งต้นน้ำและปลายน้ำถือเป็นสิ่งจำเป็น และแนวทางการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการสร้างโครงสร้างที่จะช่วยคำนวณอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและตั้งโมเดลมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกบริษัท
แยกตัวออกจากการจัดการข้อมูลตามกฎหมาย
เนื่องจากการจัดการข้อมูลและการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีพื้นฐานตามกฎหมายเท่านั้น ระบบการจัดการข้อมูลองค์กรในปัจจุบันจึงพบปัญหาการจัดการกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของตลาดในอนาคต ดังนั้น ขั้นตอนแรกที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปฏิรูปสีเขียว คือการจัดการข้อมูลต้นทุนเพื่อเลือกมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมตามการคาดการณ์ความผันผวนของราคาพลังงาน
การสร้างความยืดหยุ่นด้านอุปสงค์เพื่อสร้างรายได้ใหม่
ในอนาคต การสร้างโมเดลธุรกิจที่จะสร้างรายได้ใหม่ให้กับบริษัทจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นเพื่อบรรลุการจัดการองค์กรและเป้าหมายการปฏิรูปสีเขียว ตลอดจนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงจำเป็นต้องมองเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2608 ทั้งในแง่ของความเสี่ยงสำหรับการจัดการองค์กรและโอกาสทางธุรกิจ และหมั่นใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและทรัพย์สินของบริษัทให้มีประสิทธิภาพ
“บริษัทไทยเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการใช้แผนการปฏิบัติการเชิงรุกในแง่ของการปฏิรูปสีเขียว และคอยจับตาดูแนวโน้มนโยบายและความท้าทายอย่างใกล้ชิด เอบีม คอนซัลติ้ง ได้มีโอกาสร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าของเราในประเทศญี่ปุ่นเพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ และเราหวังว่าบริษัทในประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์แบบเดียวกันจากประสบการณ์และคำแนะนำของเอบีม” ฮิชิโร ฮาระ กล่าวเสริม
จากผลการสำรวจของ เอบีม คอนซัลติ้ง และ สถาบันด้านการวิจัยของญี่ปุ่นในหมู่ผู้นำทางด้านธุรกิจในญี่ปุ่น พบว่า ในขณะที่บริษัทมากกว่า 70% ในญี่ปุ่นมีความประสงค์ที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางด้านคาร์บอน แต่มีเพียง 16% เท่านั้นที่ได้จัดทำแผนงานที่ชัดเจนสำหรับเป้าหมายนี้
นอกจากนี้ บริษัทน้อยกว่า 15% ได้มีการเก็บข้อมูลต้นทุนพลังงานแบบละเอียด เช่น ข้อมูลราคาต่อหน่วยตามสัญญา ข้อมูลพลังงานหมุนเวียน ต้นทุนการปรับเชื้อเพลิงและวัตถุดิบ และข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการคาดการณ์ราคาพลังงานในอนาคต
เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) พร้อมสนับสนุน และให้คำปรึกษาในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันเพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายสู่การเป็น “องค์กรสีเขียว” และสามารถดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม โดยทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนจนสามารถบรรลุตามเจตนารมณ์ที่ประเทศไทยได้ประกาศไว้ในการประชุม COP 26
เกี่ยวกับบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง จำกัด โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีทีมงานกว่า 6,000 คน ที่ให้บริการลูกค้ากว่า 700 รายทั่วภูมิภาคเอเชีย อเมริกา และยุโรป นับตั้งแต่เปิดให้บริการที่ปรึกษาในประเทศไทยเมื่อปี 2548 เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 400 คน ที่ให้บริการลูกค้ามากกว่า 180 ราย ในประเทศไทย ด้วยความเชี่ยวชาญในบริการด้านดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชั่น เพื่อช่วยสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ การปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเทคโนโลยี และยกระดับผลการดำเนินงานขององค์กรด้วย ERP และโซลูชั่นอื่น ๆ ทั้งหมด รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านการจัดการ Digital BPI การวิเคราะห์ข้อมูลการจัดการโครงการด้านไอที และเอาท์ซอร์สสำหรับบริษัทชั้นนำต่าง ๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัท เอบีมฯ ยังเป็นพันธมิตรที่ดีกับ SAP โดยให้บริการด้วยทีมที่ปรึกษาที่ได้รับใบรับรองจาก SAP เพื่อความสำเร็จในการทรานสฟอร์มของเอบีมร่วมมือกับลูกค้าในการวินิจฉัยและแก้ไขความท้าทายที่แท้จริงด้วยโซลูชั่นที่รวมการปฏิบัติที่ดีที่สุดและการดำเนินงานเข้ากับความเชี่ยวชาญทางเทคนิคในอุตสาหกรรม โดยเน้นใช้วิธีการปฏิบัติได้จริง (Pragmatic Approach) เพื่อมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับผลลัพธ์ที่รวดเร็ว คุ้มค่า และวัดผลได้ เอบีมมีปรัชญาการบริหารจัดการคือ “Real Partner” ด้วยการให้บริการที่ปรึกษาด้วยบุคลากรที่มีทักษะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญ พร้อมโซลูชั่นที่แก้ปัญหาได้จริง และให้ผลลัพธ์ที่เป็นความสำเร็จของลูกค้า อย่างแท้จริง ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.abeam.com/th/en