เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์โชว์ความพร้อมยืน 1 “คลังสินค้าทัณฑ์บนที่ดีที่สุดในไทย” เตรียมผุดแวร์เฮ้าส์ใหม่ 4 แห่งเจาะทำเลยุทธศาสตร์ พื้นที่กว่า 2 แสนตรม. ดันไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งจัดเก็บ-กระจายสินค้าแห่งภูมิภาค

บริษัท เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์ จำกัด ผู้นำธุรกิจให้บริการคลังสินค้าครบวงจร ด้านการจัดเก็บดูแล และขนส่งสินค้าต่างๆ ให้บริการรับฝากทั้งสินค้าทัณฑ์บนทั่วไปและสินค้าธรรมดา รวมทั้งอาคารคลังสินค้าให้เช่าประกาศความพร้อม “เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนที่ดีที่สุดในประเทศไทย”ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญด้านการบริการคลังสินค้าที่ยาวนานกว่า 30 ปี จนปัจจุบันมีลูกค้ามาใช้บริการมากกว่า 200 บริษัท โดดเด่นทั้งทำเลที่ตั้ง ช่วยลดต้นทุนการบริหารคลังสินค้าให้ลูกค้า มีโซลูชั่นตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลาย และ มีเทคโนโลยีทันสมัยช่วยซับพอร์ตระบบการจัดเก็บสินค้า ล่าสุดเตรียมขยายคลังสินค้าแห่งใหม่อีก 4 แห่ง เนื้อที่ 2 แสนตรม. เจาะทำเลยุทธศาสตร์การขนส่ง มั่นใจไร้ผลกระทบจากสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด เพราะยอดโตขึ้นกว่า 30% พร้อมช่วยผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งจัดเก็บ-กระจายสินค้าสินค้าแห่งภูมิภาค

นายสิทธิพล เจริญขจรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการรวมและกระจายสินค้าไปยังทั่วทุกภูมิภาค เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพ การบริการให้รวดเร็ว และแม่นยำในการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อเป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนที่ดีที่สุดในประเทศไทย เราให้บริการคลังสินค้าครบวงจร ด้านการจัดเก็บดูแล และขนส่งสินค้าต่างๆ ให้กับลูกค้ามากกว่า 200 บริษัทมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ บริการรับฝากสินค้าทัณฑ์บนทั่วไป, บริการรับฝากสินค้าทั่วไป และ คลังสินค้าให้เช่า, บริการรับฝากสินค้าในห้องรักษาอุณหภูมิ (ห้องเย็นอุณหภูมิ 18-22 องศาเซลเซียส), คลังสินค้าฮาลาล, คลังสินค้าเคมี, บริการเดินพิธีการศุลกากร, บริการขนส่งสินค้า ฯลฯ บริการใหม่ที่เราได้เปิดดำเนินการ e-Fulfillment Warehouse เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีการค้าแบบออลไลน์ e-Fulfillment Center โดยได้จับมือกับ SCG Express เพื่อกระจายสินค้า จุดเด่นของบริษัท ได้แก่ทำเลที่ตั้ง เราเลือกที่ตั้งที่เป็น Logistics Route เพื่อความสะดวกในการกระจายสินค้า และ ความปลอดภัยในทุกๆด้าน ปัจจุบัน มีคลังสินค้าให้บริการกระจายอยู่ตามโลเคชั่นสำคัญๆถึง 4 แห่ง ได้แก่ คลังสินค้าที่กิ่งแก้ว ขนาดพื้นที่ 50,000 ตรม., คลังสินค้านวนคร ขนาดพื้นที่ 100,000 ตรม., คลังสินค้าพระราม 3 ขนาดพื้นที่ 4,000 ตรม. และ คลังสินค้าที่บางนา กม.18 ขนาด 20,000 ตรม.และมีแผนจะขยายศูนย์กระจายสินค้าอีก 200,000 ตารางเมตร กระจายไปตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ อีก4 แห่ง  ได้แก่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone) , บริเวณถนนพหลโยธิน กม.51, บริเวณถนนพระราม2 และ บริเวณท่าเรือแหลมฉะบัง (EEC)

นอกจากนี้ เรายังช่วยลูกค้าลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์อย่างชัดเจนด้วยเพราะเรามีระบบบริหารงานที่มีคุณภาพและทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพ รวมทั้ง ระบบการจัดเก็บสินค้าที่ดีและได้มาตรฐาน  มีความทันสมัยด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อบริหารงานคลังสินค้าโดยเฉพาะ การจัดเก็บจึงมีประสิทธิภาพ สามารถตรวจเช็คสินค้าได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว ตลอดจนสามารถให้ข้อมูลสินค้าคงคลังแก่ลูกค้าที่ต้องการทราบได้ตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยให้ลูกค้าลดต้นทุนด้านการบริหารคลังสินค้ากว่าจัดการเอง ยิ่งกว่านั้น เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์ ยังโดดเด่นในด้านการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้บริหารงานคลังสินค้าทำให้กรมศุลกากรได้เลือกให้บริษัทเป็นโครงการต้นแบบในการใช้ซอฟท์แวร์บริหารจัดการเชื่อมข้อมูลกับหน่วยงาน บริษัทจึงทุ่มเทพัฒนาระบบบริหารสินค้า(WMS), ระบบการจัดการ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถรองรับระบบและเชื่อมต่อกับระบบของลูกค้าได้ทันที และใช้ได้ในทุกแพลตฟอร์มและสุดท้ายเราสามารถสร้างโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าแต่ละรายได้ตามความต้องการ ประเภท และ รูปแบบสินค้า ที่สำคัญ ในฐานะที่เราเป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไป ยังมีสิทธิประโยชน์ที่ต่างคลังสินค้าทั่วไป คือ เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไปที่รับเก็บสินค้าทั่วไป มีอายุการเก็บรักษา 3 ปี โดยงดเว้นการเก็บอากรขาเข้าและขาออก หากส่งออกนอกราชอาณาจักร และยังงดเว้นการเก็บอากรขาเข้าและขาออก สำหรับสิ่งของที่นำเข้าจากต่างประเทศเพื่อทำหารบรรจุ หรือ แบ่งบรรจุในคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไปเพื่อเป็นสินค้าส่งออก โดยสามารถทยอยส่งออกได้ภายในระยะเวลา 3 ปี

คุณมนตรี กำประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัทเบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์จำกัด กล่าวย้ำว่า “ในปี 2564 ที่ผ่านมาคลังสินค้าของเราได้รองรับมูลค่าการซื้อขายทั้งในประเทศ และการนำเข้าส่งออกกว่าหมื่นล้านบาท แม้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด และคำสั่งล็อคดาวน์ เกิดการหยุดชะงักในห่วงโซ่ของโลจิสติกส์ แต่ธุรกิจของเรากลับได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า จนมีอัตราการเติบโตขึ้นถึง 30% และแน่นอนว่า เราวางแผนจะขยายศูนย์กระจายสินค้าอีก 200,000 ตารางเมตร กระจายไปตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ อีก 4 แห่ง  ได้แก่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone) , บริเวณถนนพหลโยธิน กม.51, บริเวณถนนพระราม 2 และ บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง (EEC)”

สำหรับสถานการณ์และแนวโน้มธุรกิจคลังสินค้าในประเทศไทยในปัจจุบันนั้น นายสิทธิพลเปิดเผยว่าเนื่องจากประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าสู่ CLMV(CLMV: กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) เนื่องจากมีพรมแดนเชื่อมต่อกับไทย และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจจากการที่ประเทศต่างๆให้ความสนใจเข้าไปลงทุนธุรกิจคลังสินค้ายังคงมีโอกาสอีกมากที่จะเติบโต ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในบริษัทคนไทยที่มีศักยภาพและกล้าปักธงในธุรกิจศูนย์กระจายสินค้า

ด้านนายจักรกฤต เบเนเดทตี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลเซียเทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ลูกค้าสำคัญที่ใช้บริการคลังสินค้ามายาวนานกว่า 20 ปี

“ อิตาเลเซียนำเข้าสินค้าหลากหลายประเภท แต่ละชนิดต้องการการดูแลการจัดเก็บที่แตกต่างกัน แต่โดยขั้นพื้นฐานด้วยประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงเกือบตลอดทั้งปี จึงจำเป็นมากที่จะต้องหาห้อง ควบคุมอุณหภูมิจัดเก็บสินค้า เพื่อให้สินค้าคงสภาพดีเหมือนที่ส่งมาจากต้นทาง

สินค้าที่อิตาเลเซียนำเข้ามาตลอดระยะเวลา 60 ปี และทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักคือสินค้ากลุ่มไวน์ซึ่งการเก็บรักษาไวน์ให้คงสภาพเฟรชเหมือนที่ออกมาจากไร่ไวน์จนถึงมือลูกค้าเราต้องการมืออาชีพดูแลให้กับเรา” นายจักรกฤต กล่าว

บริษัท เบสท์บอนด์ แวร์เฮ้าส์ จำกัด เป็นหนึ่งในธุรกิจในเครือกลุ่มบริษัท BEST Group Company มีมูลค่ากว่า10,000ล้านบาท ดำเนินกิจการธุรกิจสนามกอล์ฟ, สนามบินส่วนตัว, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์, บริการคลังสินค้าและการขนส่ง ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2536 ได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากรให้บริการรับฝากสินค้าทัณฑ์บนทั่วไป, บริการรับฝากสินค้าธรรมดา สินค้าเคมี สินค้าฮาลาล และ คลังสินค้าให้เช่า, บริการรับฝากสินค้าในห้องรักษาอุณหภูมิ (ห้องเย็นอุณหภูมิ 18-22 องศาเซลเซียส), บริการเดินพิธีการศุลกากร, บริการขนส่งสินค้า ฯลฯ ให้กับลูกค้ามากกว่า 200 บริษัท อาทิ FedexSCG , Goodyear, Ecco, TCL, Brenntag, PPG Coating, Connell, NCC Management เป็นต้น