เป็นประจำทุกปีที่นิตยสารระดับโลกอย่าง ฟอร์บส์ ได้จัดอันดับ มหาเศรษฐีโลก (The World’s Billionaires) ที่มีทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 33,000 ล้านบาท โดยที่น่าสนใจคือ จำนวนมหาเศรษฐีปีนี้ลดลง เนื่องจากปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
สำหรับมหาเศรษฐีในปี 2565 นี้ มีจำนวนลดลงกว่าปีที่แล้ว 87 คน แม้จะมีเศรษฐีหน้าใหม่เพิ่มขึ้น 236 ราย ก็ตาม ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากภาวะสงคราม, โรคระบาด และตลาดที่ซบเซา ขณะที่มหาเศรษฐีที่ติดอันดับเหล่านี้มีทรัพย์สินรวมกันมูลค่า 12.7 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลงกว่าในปี 2564 ถึง 400,000 ล้านดอลลาร์ โดยในประเทศรัสเซีย มีมหาเศรษฐีลดลง 34 คนจากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เศรษฐีพันล้านจำนวนกว่า 1,000 คนก็มีฐานะร่ำรวยขึ้น
สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำของโลก โดยมีมหาเศรษฐี 735 คน ซึ่งมีมูลค่ารวม 4.7 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วน ประเทศจีน (รวมถึงมาเก๊าและฮ่องกง) ยังคงเป็นที่สอง โดยมีมหาเศรษฐี 607 คน มูลค่ารวม 2.3 ล้านล้านดอลลาร์
สำหรับ มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก ในปีนี้ อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและนักลงทุนชาวอเมริกัน-แอฟริกาใต้ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัทเทสลาก็ครองตำแหน่งนี้ไป โดยมีมูลค่าทรัพย์สินโดยรวม 219,000 ล้านดอลลาร์ แซง เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอเมซอน บริษัทค้าปลีกออนไลน์ชื่อดังสัญชาติเดียวกัน โดยมีทรัพย์สินรวมที่ 171,000 ล้านดอลลาร์
มาที่ประเทศไทย มีมหาเศรษฐีที่ติดอันดับรวมทั้งสิ้น 28 คน นำโดย เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) โดยอยู่ อันดับที่ 137 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินโดยรวม 13,500 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งติดอันดับที่ 103 มีทรัพย์สินโดยรวม 18,100 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ยังมี เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ในเครือ ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด หรือเจ้าของอาณาจักร เบียร์ช้าง อยู่ อันดับที่ 156 มีทรัพย์สินโดยรวม 12,000 ล้านดอลลาร์ ตามด้วย นายสารัชถ์ รัตนาวะดี เจ้าของ gulf ธุรกิจด้านพลังงานของไทย ติด อันดับที่ 161 มีทรัพย์สินโดยรวม 11,800 ล้านดอลลาร์