‘ธนาคารโลก’ หั่นคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกเหลือ 3.2% เพราะพิษสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ธนาคารโลก (World Bank) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทั่วโลกประจำปีสำหรับปี 2565 ลงจาก 4.1% เหลือ 3.2% โดยอ้างถึงผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก โดยธนาคารโลกเตรียมปล่อยกู้ 1.7 เเสนล้านดอลลาร์ สำหรับประเทศที่ได้รับผลกระทบ

David Malpass ประธานธนาคารโลก กล่าวว่า ปัจจัยใหญ่สุดที่ทำให้มีการปรับการคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกให้ลดลงก็คือ การหดตัวทางเศรษฐกิจจากทั่วยุโรปและเอเชียกลาง โดยปัจจัยอื่น ๆ ที่อยู่เบื้องหลังการชะลอตัวของการเติบโต ได้แก่ ต้นทุนอาหารและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นซึ่งเป็นภาระของผู้บริโภคในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก

ปัญหาดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการคว่ำบาตรด้านพลังงานจากรัสเซีย ของประเทศแถบตะวันตกซึ่งทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น การหยุดชะงักของอุปทานเพื่อการส่งออกสินค้าเกษตรของยูเครนก็เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนที่ผลักดันราคาให้สูงขึ้น โดยที่ผ่านมา รัสเซียได้ปิดกั้นท่าเรือสำคัญ ๆ ในทะเลดำของยูเครน ทำให้เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเรือขนส่งที่บรรทุกธัญพืชและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เนื่องจากเป็นเส้นทางที่สำคัญในการเชื่อมต่อยูเครนกับส่วนอื่น ๆ ของโลก

อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการตอบสนองต่อวิกฤตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนตั้งกองทุนวงเงิน 1.7 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะปล่อยกู้ให้แก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะปล่อยเงินกู้ระยะเวลา 15 เดือน โดยมีเป้าหมายปล่อยกู้ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวนี้ใหญ่กว่าที่ธนาคารโลกจัดขึ้นเพื่อบรรเทาทุกข์จาก COVID-19 ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 1.6 แสนล้านดอลลาร์

สำหรับความเสียหายทางเศรษฐกิจของโลกนั้นยังน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับรัสเซียและยูเครน โดยเมื่อต้นเดือน ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า GDP ของยูเครนจะลดลง 45.1% ถือว่าไม่ได้ลดลงมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรกว่า 40 ล้านคน โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ของยูเครนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ส่วนเศรษฐกิจของรัสเซียก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการคว่ำบาตรและการคว่ำบาตรทางการค้าที่ได้รับการสนับสนุนจาก NATO และตะวันตก โดยมีการคาดการณ์ว่า GDP ของรัสเซียจะลดลง 11.2% ในปีนี้อันเป็นผลมาจากการคว่ำบาตร

โดยหลังจากที่ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียร่วงลงอย่างหนักในช่วงสัปดาห์แรกของสงคราม หลังจากนั้นก็พลิกกลับคืนมาอย่างคุ้มค่า แต่นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าการฟื้นตัวนี้เป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยการควบคุมสกุลเงินภายในที่เข้มงวดซึ่งกำหนดโดยรัฐบาลเครมลิน ซึ่งทำให้มูลค่ารูเบิลสูงขึ้นอย่างไม่ถูกต้องในรัสเซีย

Source