การปฏิวัติการดูทีวีหรือจะเรียกว่าการปฏิวัติการดูอินเทอร์เน็ตก็ถูกทั้งสองแบบ เพราะขณะนี้เจ้าพ่อในวงการนวัตกรรมไอทีต่างลงมาเล่นเต็มที่ อย่าง ”แอปเปิลและกูเกิล” ที่ส่งเจ้ากล่องเล็กๆ แอปเปิลทีวี และกูเกิลทีวี มาทำให้การดูทีวีไม่จำเป็นต้องดูที่เครื่องทีวี และการดูอินเทอร์เน็ตก็ไม่จำเป็นต้องดูที่เครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้นอีกต่อไป นี่คือโอกาสของคอนเทนต์ทำเองของคนทั่วไปที่จะมีโอกาสมากยิ่งขึ้น และเป็นสื่อใหม่ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ดึงคนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เล็กๆ มาสู่จอทีวีที่ใหญ่ขนาดโฮมเธียเตอร์ได้ไม่ยาก
ปี 2550 แอปเปิลเริ่มเข้ามาสู่ตลาดด้วย ”แอปเปิลทีวี” (Apple Tv) ที่เป็นกล่องแบบเซ็ตท็อปบ็อกซ์เชื่อมต่อกับเครื่องทีวี ให้ภาพระดับความละเอียดสูงหรือ High Definition เปรียบเสมือนไอพอดยักษ์ หรือที่ผู้บริหารของแอปเปิลตอนนั้น ฟิล ชิลเลอร์ (Phil Schiller) รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ทั่วโลกของแอปเปิล ระบุว่าเป็นเครื่องเล่นดีวีดีในยุคอินเทอร์เน็ต หลังจากเปิดตัวแล้วมีคนพูดถึง แต่ยอดขายไม่มาก เพราะระบบปิดที่มีคอนเทนต์ไม่มาก เลือกหนัง เพลงได้จากไอจูนส์เท่านั้น ไม่สามารถหาวิดีโอในอินเทอร์เน็ตมาดู แน่นอนว่าดูคลิปจากยูทูบก็ไม่ได้
จากการเรียนรู้ของกล่องรุ่นแรก ปลายปี 2553 ออกแอปเปิลทีวีรุ่น 2 ที่ดีไซน์กล่องใหม่ให้เล็กลง สีดำสวย เหลือขนาด 1 ใน 4 ของตัวเดิม ราคาย่อมเยาลงมาก จาก 299 เหรียญสหรัฐ เหลือ 99 เหรียญสหรัฐ และมีพันธมิตรมากขึ้น โดยเฉพาะกับเน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการเช่าภาพยนตร์ด้วยสตรีมมิ่ง มีสตูดิโอรายการทีวี 2 ค่าย ABC และ Fox (แต่ก็ยังน้อยกว่าที่คนรับเคเบิลทีวีดู) รายการดาวน์โหลดต่อเรื่องประมาณ 99 เซนต์ แต่หนังใหม่ที่ได้ดูก่อนฉาย ในราคาแพงขึ้น เช่นหนัง HD 4.99 เหรียญสหรัฐ
ธุรกิจที่กำลังสะเทือนคือบรรดาร้านเช่าดีวีดีทั้งหลาย เพราะคนยุคใหม่จะเน้นดาวน์โหลดและสั่งซื้อกันทางออนไลน์มากกว่า
นอกจากนี้การเชื่อมต่อกับไอโฟน ไอแพด ไอพอดทัช เพื่อโยนไฟล์ Streamไปแสดงผลหน้าจอทีวี (Air Play) โดยเฉพาะการค้นหาภาพวิดีโอคลิปต่างๆ โดยเฉพาะยูทูบไปดู ทำให้แอปเปิลทีวีรุ่น 2 นี้น่าสนใจยิ่งขึ้น และยังเป็นรีโมตได้ หากผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Remote มาใช้ ก็ทำให้การสั่งการจากมุมต่างๆ ของบ้านก็ง่ายและสะดวกกว่าเดิมแอปเปิลทีวีเป็นสื่อใหม่ ที่ทำให้หน้าจอทีวีดูสนุกขึ้นสำหรับคนทั่วไป แน่นอนว่านี่คืออีกช่องทางหนึ่งที่แอปเปิลสามารถทำเงินจากคอนเทนต์ในไอจูนส์ แอพสโตร์ได้มากขึ้น และแนวนี้กำลังสดใส เพราะยอดขายโตเร็ว หลังจาก 3 เดือนที่เปิดตัวก็ทำยอดขายแล้วประมาณ 1 ล้านเครื่องทั่วโลก
ค่าตัวแอปเปิลทีวี 99 เหรียญสหรัฐมาพร้อมกับ
1. กล่องแอปเปิลทีวี สีดำเล็กกะทัดรัดสวย
2. รีโมทที่มีปุ่มน้อยมาก ดูแล้วใช้งานง่าย
3. สายไฟและคู่มือการใช้งาน
สิ่งที่ต้องเตรียมไว้ก่อน
1. ทีวีที่มีช่องเสียบสัญญาณ HDMI
2. สาย HDMI
3. อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง(เกิน 6 เมกฯ) ทั้ง Lan Wi-Fi (ความเร็วขนาดนี้ใช้เวลาดาวน์โหลดหนังประมาณ 10 นาที)
4. แอคเคานท์ในไอจูนส์สโตร์
สำหรับกูเกิลทีวี (Google TV) เปิดตัวเมื่อปี 2553 มีคอนเซ็ปต์ตามสโลแกนคือ TV meets web. Web meets TV. และมีพันธมิตรคือโซนี่ และลอจิเทค แม้จะพยายามตอบโจทย์การเชื่อมต่อระหว่างสองสื่อเข้าด้วยกัน และคาดหวังว่าจะได้ยอดขาย 1 ล้านเครื่องในสิ้นปีที่ผ่านมา แต่ผลคือแป็กกว่าที่คิด ด้วยเหตุผลของการใช้งานที่อาจยากเกินไป และราคาตั้งไว้สูงถึงประมาณ 300 เหรียญสหรัฐ ซึ่งหลักฐานคือลอจิเทครายงานรายได้ไตรมาสแรกที่ผ่านมาว่ามียอดขายจากกล่องทีวีนี้เพียง 5 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่คาดไว้ว่าน่าจะได้ถึง 18 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น โจทย์ของกูเกิลทีวีจจึงยังมีอีกเพียบ
สำหรับคุณสมบัติของกูเกิลทีวีที่ประกาศไว้เมื่อช่วงเปิดตัวมีดังนี้
1. เป็นทีวีที่เชื่อมต่อ Search Engine หรือระบบค้นข้อมูลในกูเกิลอินเทอร์เน็ต และค้นหาแอพพลิเคชั่น ในแอนดรอยด์มาร์เก็ต
2.ดูเว็บไซต์ต่างๆ
3.ใช้แอพพลิเคชั่นผ่านทีวี
4.ใช้สมาร์ทโฟนคุมทีวีหรือใช้เสียงคุมได้
5.เข้าถึงโฮมเพจต่างๆ ได้ง่าย มีการจัดวางโชว์เพจต่างๆ ได้เห็นสะดวก
6.จะใช้เป็นทีวี หรือดูเว็บอินเทอร์เน็ตพร้อมกันก็ได้
7.ค้นหารายการที่อยากดู ใน Quick Search box ด้านบนของจอได้ เช่น Fox Hulu Amazon ถ้ายังไม่มาหรือไม่สะดวกดูก็สั่งอัดไว้ได้
8.สามารถเซตอัพให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่คุณมีอยู่ จานดาวเทียม อินเทอร์เน็ต กล่องเคเบิลทีวี
ส่วนอุปกรณ์สำหรับกูเกิลทีวีที่ต้องมี คือส่วนของฮาร์ดแวร์มี Google TV box ที่เชื่อมต่อ WiFi / ช่องต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ต ต่อช่องเคเบิลหรือดาวเทียมทีวีและเชื่อมกับทีวีด้วย HDMI พอร์ต มีคีย์บอร์ดและเมาส์ ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เป็นรีโมตเชื่อมผ่าน WiFi และสั่งการด้วยเสียงในการค้นหาผ่านทางมือถือได้ ในส่วนของซอฟต์แวร์แน่นอนในเครือของกูเกิลทั้งหมดคือ โอเอสแอนดรอยด์ 2.1, บราวเซอร์กูเกิลโครม และแฟลช 10.1
ทั้งกล่องแอปเปิลทีวี และกล่องกูเกิลทีวี จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสื่อใหม่ในวงการทีวี ที่จะทำให้มีผู้ตามมาอีกจำนวนมาก แม้จะไม่ได้แข่งกับเคเบิลทีวีหรือฟรีทีวีโดยตรง เพราะไม่เน้นรายการสด แต่นี่คืออีกทางเลือกหนึ่งในยุคบริโภคคอนเทนต์นิยม ที่ผู้ชมคือผู้เลือก และผู้สร้างคอนเทนต์ เป็นโอกาสของนักคิดสร้างสรรค์ที่มีโอกาสทำเงินได้มากขึ้นนับจากนี้
