“ซาโนไทซ์” ค่ายผลิตยาระดับโลก เปิดผลวิจัยประสิทธิผลสเปรย์พ่นจมูกไนตริกออกไซด์ ตอกย้ำความเชื่อมั่น VirXTM (เวิร์ค) ลดโอกาสการติดเชื้อโควิด-19 ในยุค Now Normal

“ซาโนไทซ์” (SaNOtize Research and Development Corp) บริษัทผู้ผลิตยาระดับโลกร่วมกับ “มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจน์” เผยผลวิจัยประสิทธิผล “VirX” (เวิร์ค) สเปรย์ฉีดจมูกไนตริก ออกไซด์ (nitric oxide) ตอกย้ำความเชื่อมั่นการค้นพบครั้งสำคัญของนวัตกรรมการแพทย์สุดล้ำที่ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อโควิด-19 พร้อมแนะแนว ทางป้องกันสุขภาพให้แข็งแรงแบบยั่งยืน ในยุค Now Normal เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ณ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน

ดร. คริสโตเฟอร์ มิลเล่อร์ ประธานเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์และผู้ร่วมก่อตั้ง ผู้บุกเบิก เทคโนโลยีไนตริกออกไซด์และการวิจัยเพื่อการรักษา และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิง จรินรัตน์ สิริรัฐวรรณ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เจ้าของผลงานวิจัยอันน่าทึ่งเกี่ยวกับ “สารไนตริกออกไซด์” ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสได้ ภายใต้ การศึกษาทางระบาดวิทยาและประสิทธิผลของสเปรย์ฉีดจมูกไนตริกออกไซด์เพื่อ ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง: การศึกษาย้อนหลังในโรงพยาบาล ระดับตติยภูมิ ได้ชี้แจงความสำคัญของ “ไนตริกออกไซด์” (NO) ว่าเป็นก๊าซที่ผลิตขึ้นเองตาม ธรรมชาติจากหลอดเลือด เป็นสารสื่อประสาทที่กระตุ้นระบบอัตโนมัติ ลดการหดตัวของ หลอดเลือด ขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของเลือด สร้างถุงลมขยาย และลดภาวะ ขาดออกซิเจน

นอกจากนี้ ไนตริกออกไซด์ยังยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส ยับยั้ง การแบ่งตัวของ SARS-CoV-2 ลดการอักเสบ และเร่งการสมานแผล ไนตริกออกไซด์แบบสูดดม (iNO) ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคต่าง ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูงในปอด ปอดบวมน้ำ อาการหายใจลำบาก และอาการตัวเขียวของทารกแรกเกิด เป็นต้น เนื่องจากความสามารถของไนตริกออกไซด์ในการฆ่าเชื้อไวรัส (virucidal) โดยการทำลาย S-โปรตีนและทำลายในส่วนโปรตีเอสของไวรัส ทำให้รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปทำให้ไม่สามารถจับกับตัวรับเซลล์ในเซลล์ของมนุษย์และทำให้ไม่สามารถเข้าสู่เซลล์ของร่างกาย และทำให้ไม่สามารถขยายตัวด้วยการแบ่งตัวได้

การศึกษาวิจัยโดย Winchester และคณะนักวิจัย ระบุว่าผู้เข้าร่วม 80 ราย ที่ติดเชื้อโควิด-19 เพียงเล็กน้อย พบว่า การใช้สเปรย์พ่นจมูกแบบผสม Hypromellose และ Nitric Oxide (HPM plus NO; หรือ NONS) ต่อเนื่องอย่างน้อย 5 – 6 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 8 วันการรักษา สามารถ ลดปริมาณไวรัส ทำให้อาการดีขึ้น และลดระยะเวลาการติดเชื้อเมื่อเทียบกับยาหลอก Hypromellose สร้างฟิล์มเจลที่ช่วยเป็นตัวแทนนำส่งยา การฉีดพ่นไฮโปรเมลโลสจะเคลือบเยื่อเมือกในโพรงจมูกเพื่อเป็นการป้องกันทางกลไก ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย (ป้องกันการเคลื่อนตัว) และกรดซิตริกในสเปรย์ยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสและช่วยปล่อยไนตริกออกไซด์ ปริมาณไนตริกออกไซด์ที่ปล่อยออกมามีประสิทธิภาพในการยับยั้ง การติดเชื้อไวรัสและปลอดภัยมาก ผลกระทบเดียวที่พบคือรู้สึกแสบเล็กน้อยเพียงวินาทีเดียวเท่านั้น ไม่มีผลข้างเคียงที่มีนัยสำคัญหรือไม่พบผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

จากการวิจัยดังกล่าว ได้นำไปสู่ การศึกษาทางระบาดวิทยาและประสิทธิภาพของสเปรย์พ่น จมูกไนตริกออกไซด์ในการป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง การ ศึกษาย้อนหลังในโรงพยาบาลตติยภูมิ ณ ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
โดยผลการวิจัยระบุว่า NO plus HPM (NONS) ได้รับการรับรองในประเทศไทยว่าสามารถ “ยับยั้งไวรัสเข้าสู่เยื่อบุโพรงจมูก” การศึกษาวิจัยได้ดำเนินการตามคำขอของมหาวิทยาลัย

โดยได้รับอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อิสระให้ควบคุมการระบาดของ Omicron ใน หอพักนักศึกษา ผู้เข้าร่วมอยู่ในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง ใกล้ชิดผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 ภายใน 1-2 เมตร จำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่และนักศึกษา เข้าร่วมโดยสมัครใจ หากพวกเขาสัมผัสกับเพื่อนร่วมห้องที่มีผลตรวจเป็นบวก มีจำนวนอาสาสมัคร 1,039 คนประกอบด้วยบุคลากรทางการแพทย์ นักศึกษา และอาจารย์มหาวิทยาลัย กลุ่มได้รับการตรวจสอบในชุมชนแยก 6 หอพัก ในกลุ่มนี้ 199 คนถูกตัวออกเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงต่ำ และไม่รวมผู้ป่วย 215 ราย เนื่องจากได้ผลบวกจากการตรวจ COVID-19 Antigen kit หรือ ATK ใน 24 ชั่วโมง

ดังนั้นจากอาสาสมัคร 625 คนในการประเมิน มี 203 รายที่ใช้ไนตริกออกไซด์พ่นจมูก อย่างน้อย 4 ครั้ง ต่อวัน และอาสาสมัคร 422 รายไม่ได้ใช้ NONS ผู้เข้าร่วมมีอิสระที่จะให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามโดยไม่ต้องระบุตัวบุคคล อาสาสมัครทั้งหมดได้รับการทดสอบด้วย ATK ในวันที่ 5 และวันที่ 10 โดยมีการ บันทึกอาการประจำวันเป็นส่วนหนึ่งของแบบสอบถาม ผลการศึกษาพบว่า จากผู้ป่วย 203 รายที่ใช้ NONS, 190 รายมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ และ ตรวจพบว่าติดเชื้อ 13 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.4 และจากทั้งหมด 422 รายในกลุ่มควบคุม พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 108 รายจาก ATK และ 314 รายให้ผลเป็นลบ อัตราการติดเชื้อเท่ากับร้อยละ 25.59 ที่ระดับ p<0.0001 ที่เชื่อถือได้ โดยมีอัตราการติดเชื้อแยกจาก หอพัก 6 แห่ง

การศึกษาย้อนหลังนี้ ได้ให้หลักฐานเชิงการสังเกตที่ดีเยี่ยมเกี่ยวกับลักษณะการป้องกันของ (NONS) ในสภาพแวดล้อมจริง ดังนั้น การศึกษานี้มีบทบาทสำคัญว่า NONS มีประสิทธิภาพการป้องกันการแพร่กระจาย และการติดต่อของเชื้อโรคโควิด-19