จากกรณีที่มีผู้เสียชีวิตจากการระเบิดของถุงลมนิรภัยขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ทั้งในประเทศไทย ซึ่งได้รับการยืนยันจากการชันสูตรว่าเกิดจากเศษโลหะของชิ้นส่วนถุงลมนิรภัยที่ตกมาตรฐาน ยี่ห้อทาคาตะ (Takata) นั้น สภาองค์กรผู้บริโภคเรียกร้องบริษัทรถยนต์ 8 ยี่ห้อ ให้ทำการเปลี่ยนถุงลมยี่ห้อนี้ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียถึงชีวิต ให้กับผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้ ยังมีรถยนต์ในไทยที่ยังมีการใช้งานอยู่ กว่าหกแสนคันที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยอันตรายนี้
วันนี้ (10 พฤษภาคม 2565) สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เรียกร้องให้บริษัทรถยนต์ทั้ง 8 บริษัท ได้แก่ ฮอนด้า บีเอ็มดับบลิว นิสสัน โตโยต้า มิตซูบิชิ มาสด้า เชฟโรเลต และฟอร์ด ที่ได้มีการขายรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยอันตรายยี่ห้อดังกล่าวในประเทศไทยมากว่าสิบปี เร่งดำเนินการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยให้มีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
เหตุการณ์การเสียชีวิตจากถุงลมนิรภัยยี่ห้อ ทาคาตะ (Takata) นั้นเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก และได้มีการเรียกคืนรถจำนวนเกือบ 100 ล้านคันเพื่อเปลี่ยนถุงลมนิรภัยตั้งแต่ปี 2551 ส่วนในประเทศไทยนั้น มีการขายรถหลายยี่ห้อ หลายรุ่น กว่า 1.7 ล้านคันที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยดังกล่าว และได้มีการเรียกคืนเพื่อเปลี่ยนถุงลมไปแล้ว แต่ยังมีรถถึงหกแสนคันที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนถุงลม
“ขอแจ้งให้ผู้บริโภครับทราบถึ
งอันตราย และขอให้รีบดำเนินการตรวจสอบว่
ารถของตัวเองเป็นรุ่นที่ต้องถู
กเปลี่ยนถุงลมนิรภัยหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้จากหลายช่
องทาง เช่น เว็บไซต์สภาองค์กรของผู้บริโภค
www.tcc.or.th (หรือสแกนคิวอาร์โค้ดด้านล่าง) เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก และเว็บไซต์
www.checkairbag.com” เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าว
ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธ์ หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิ
บดี และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่
งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาในประเทศไทยเคยมีกรณี
ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ซึ่งจากการชันสูตรยื
นยันได้ว่าเป็นการเสียชีวิ
ตจากชิ้นส่วนที่กระเด็
นออกมาจากถุงลมนิรภัย หนึ่งในการชันสูตรศพกรณีเสียชี
วิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่
เคยเกิดขึ้น ได้พบบาดแผลผู้เสียชีวิตฉี
กขาดเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์
กลางประมาณ 3.5 ซม. บริเวณกลางหน้าอกด้านบน ลึกไปจนถึงกระดูกสันหลังช่วงคอ และพบชิ้นส่วนโลหะฝังตัวในกระดู
กสันหลัง โดยสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากชิ้
นส่วนโลหะดังกล่าวที่ทะลุบริ
เวณคอและหน้าอกส่วนบน ทั้งนี้ชิ้นส่วนโลหะดังกล่าวมี
ลักษณะเข้าได้กับชิ้นส่วนของถุ
งลมนิรภัย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นยี่
ห้อทาคาตะ
ชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมฯ ได้รับรายงานปัญหาถุงลมนิรภัยบกพร่องดังกล่าวตั้งแต่เริ่มมีข่าวการประกาศเรียกคืน (Recall) ในต่างประเทศ และจากการตรวจสอบพบรถที่มีถุงลมนิรภัยบกพร่องจำนวนทั้งสิ้น 1,725,816 คัน ในปี 2561 กรมฯ จึงร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้รถที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยที่บกพร่อง นำรถไปเปลี่ยนชุดถุงลมนิรภัยได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งหลังจากมีการติดตามการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถแก้ไขชุดถุงลมนิรภัยไปได้จำนวน 1,045,336 คัน คิดเป็นร้อยละ 60.6 แต่ยังคงเหลือรถอีกจำนวน 680,480 คัน ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนถุงลมนิรภัย
นอกจากนั้น ผู้อำนวยการสำนักวิ
ศวกรรมยานยนต์ ระบุเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกำลังเตรียมดำเนิ
นการในระยะที่ 2 คือ บูรณาการข้อมูลรถที่ยังไม่ได้
แก้ไขชุดถุงลมนิรภัยเข้ากั
บฐานข้อมูลการชำระภาษีของกรมฯ เมื่อรถที่อยู่ในข่ายต้องเปลี่
ยนชุดถุงลมนิรภัยทำการชำระภาษี
ผ่านช่องทางใดก็ตาม จะมีการแจ้งเตือนให้นำรถไปเปลี่
ยนชุดถุงลมนิรภัยเพื่
อความปลอดภัย โดยคาดว่า ระบบจะสามารถใช้งานได้
ภายในปลายปี 2565 นี้ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ จะใช้สื่อช่องทางต่าง ๆ ของกรมฯ ในการประชาสัมพันธ์ให้เจ้
าของรถได้รับทราบข้อมูลโดยเร็ว ทั้งนี้ เจ้าของรถสามารถตรวจสอบข้อมูลผ่
าน
www.checkairbag.com หรือนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการทุ
กสาขา หรือติดต่อผ่านฝ่ายบริการลูกค้
าทางโทรศัพท์ (Call Center) ของแต่ละบริษัทรถยนต์ หรือติดต่อสายด่วน 1584 เพื่อสอบถามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ระบุว่า การประกาศเรียกคืน ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2556 และในปี 2561 ได้ร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคที่ใช้รถยนต์รุ่นที่ถูกเรียกคืน สามารถเข้าไปรับบริการเปลี่ยนชิ้นส่วนถุงลมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งค่าอะไหล่ และค่าแรงในการเปลี่ยนอะไหล่ แม้ว่าจะเป็นรถที่ไม่ได้เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเป็นประจำก็สามารถเข้าไปเปลี่ยน นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการจดทะเบียนรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก เพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้กับบริษัทรถยนต์สามารถติดต่อเพื่อแจ้งเตือนให้เจ้าของรถได้ทราบ
นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวอีกว่า การรณรงค์ให้ลูกค้าได้รับทราบ และตรวจสอบรถยนต์ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักคือมุ่งหวั
งส่งต่อความห่วงใยและความปลอดภั
ยในการใช้รถใช้ถนนให้แก่ลูกค้
าทุกคน เพื่อเป็นการปกป้องชีวิตและทรั
พย์สินของผู้บริโภคให้มี
ความปลอดภัย และนำไปสู่การยกระดับด้านการบริ
การให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์
ของประเทศอย่างยั่งยืน จึงอยากขอความร่วมมือจากสื่
อมวลชนทุกภาคส่วน ช่วยสื่อสารเพื่อให้เข้าถึ
งคนได้มากที่สุด
ทั้งนี้ หากผู้บริโภคนำรถรุ่นที่มีปัญหาไปเปลี่ยนถุงลมนิรภัยแต่ถูกเรียกเก็บเงิน หรือไม่สามารถเปลี่ยนสินค้าได้ สามารถร้องเรียนได้ที่ ไลน์สภาองค์กรของผู้บริโภค tccthailand โทรศัพท์ 02 239 1839 อีเมล [email protected] อินบ๊อกซ์เฟซบุ๊ก สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือเว็บไซต์ www.tcc.or.th
Related