การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัลหรือ Digital Disruption คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ส่งผลต่อทุกคน ทั้งในแง่ชีวิตประจำวัน การทำงาน และการทำธุรกิจ โดยได้เปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ การใช้แพลตฟอร์ม และเครื่องมือต่างๆ วิธีการเก่าๆ ถูกแทนที่ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยสร้างความสะดวกสบาย มีความแม่นยำ และรวดเร็ว
ผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า แรงงานไทยมีทักษะด้านดิจิทัล 55% ซึ่งหมายความว่า 45% ของจำนวนแรงงานไทยยังขาดทักษะในเรื่องนี้อยู่ นอกจากนี้ แนวโน้มของตลาดแรงงานผู้สูงอายุก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย องค์กรต่างๆ จึงจำเป็นต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อให้ตนสามารถก้าวทันบริษัทคู่แข่ง และเป็นผู้นำในตลาด โดยกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรขับเคลื่อนสู่เป้าหมายคือ ‘บุคลากร‘ โดยเฉพาะพนักงานระดับอาวุโสและพนักงานระดับหัวหน้า ดังนั้น การฝึกฝนให้บุคลากรที่มีอยู่ให้มีความรู้ และทักษะด้าน Soft skills, Hard skills และดิจิทัลที่เหมาะสมจึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะพวกเขาจะสามารถนำทักษะเหล่านี้มาต่อยอดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้
SEAC (ซีแอค) ผู้นำด้านการพัฒนาผู้บริหาร บุคลากร และองค์กรในประเทศไทย ที่มุ่งมั่นเสริมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผ่านประสบการณ์การเรียนรู้ และหลักสูตรระดับเวิลด์คลาส เพื่อให้ทุกคนสร้างอนาคตที่ดีกว่า ชี้ให้องค์กรธุรกิจเห็นว่า ในการเปลี่ยนผ่านสู่ Digital Transformation เรื่องที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ ทุกองค์กรต้องสร้างความเข้าใจให้พนักงานเห็นภาพก่อนว่าองค์กรในยุคดิจิทัลเป็นอย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอด 3 – 4 ปีที่ผ่านมาคือ องค์กรต่างๆ ทั่วโลกต่างเข้าใจผิด คิดว่าการทำ Digital Transformation คือการตั้งหน่วยงานด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะ Digital Transformation เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งองค์กร ไม่ใช่สิ่งที่เราจะเลือกทำหรือไม่ทำ แต่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไร ถ้ายังอยากอยู่รอดและเติบโตต่อไปในยุคดิจิทัล
บริบทโลกเปลี่ยนไป องค์กรต้องเร่งปรับตัวและสร้างสิ่งใหม่ๆ
นิภัทรา ตั้งพจน์ทวีผล ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ YourNextU by SEAC เผยภาพรวมฉากทัศน์ของโลกธุรกิจยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนไปจากเดิม กล่าวว่า “ในวันนี้ องค์กรต้องการพนักงานที่มี Mindset ที่เปิดรับสิ่งใหม่และปรับตัวได้รวดเร็ว ทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที การทำงานอาจไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามแผนระยะยาวที่วางไว้ทุกขั้นตอน แต่จะหันมาใช้แผนระยะสั้นที่เปิดโอกาสให้คนได้ทดลอง เพื่อดูว่าใช้ได้ผลหรือไม่ จากนั้นจึงนำมาปรับแผนระยะต่อไป นอกจากนั้น ทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใด ต้องรู้จักใช้เทคโนโลยีในการทำงาน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้
ความท้าทายขององค์กรนับจากนี้ไป คือ ผู้นำจะต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่ไม่เพียงปิดช่องว่างทางทักษะ แต่ยังต้องเสริมสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้น เสริมสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู่ต่อเนื่อง และส่งเสริมให้พนักงานเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรต่างๆ เพื่อการพัฒนาตนเองได้”
YourNextU by SEAC x SimpliLearn พาร์ทเนอร์ระดับโลก เสริมทักษะดิจิทัลให้คนไทย
Prachant Gangwal ผู้อำนวยการอาวุโส Simplilearn สถาบันให้บริการฝึกอบรมทักษะดิจิทัลออนไลน์อันดับหนึ่งของโลก และพาร์ทเนอร์สำคัญของ SEAC ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ศาสตร์และความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลไปช่วยในการยกระดับองค์กร ครอบคลุมทักษะด้านดิจิทัลรวมกว่า 40 ทักษะ ซึ่งแพลตฟอร์มของ Simplilearn มีจุดเด่นตรงที่รูปแบบการเรียนการสอนที่ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและผู้สอนรวมถึงเสริมสร้างความมีส่วนร่วม เห็นได้จากสัดส่วนของผู้เรียนที่สำเร็จหลักสูตรสูงถึงกว่า 80% และได้รับความไว้วางใจจากองค์กรระดับโลกมากมาย อย่าง Amazon, Visa, P&G หรือแม้แต่บริษัทชั้นนำของวงการเทคฯ อย่าง Microsoft หรือ IBM รวมทั้งบริษัทใน Fortune 500 ก็ยังเลือกพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับบุคลากรด้วยหลักสูตรของ SimpliLearn
“กรณีศึกษาที่น่าสนใจของ Simplilearn คือ Vodafone ซึ่งมุ่งมั่นที่จะสร้างกลยุทธ์การบริหารประสบการณ์ลูกค้าแบบ Digital First ประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจในการอัพสกิลด้านดิจิทัลให้กับพนักงานในสายงานไอที ทั้งวิศวกร นักพัฒนา นักวิเคราะห์ข้อมูล ทั่วทั้งองค์กรกว่า 500 คน ด้วยคอร์สต่างๆ ของ Simplilearn พร้อมคะแนนความพึงพอใจของผู้เรียน (CSAT) ที่สูงถึง 4.7” Prachant Gangwal ผู้อำนวยการอาวุโสของ Simplilearn กล่าว
สร้างทีมดิจิทัลให้พร้อมแข่งขันด้วย Simplilearn Master Certification จาก YourNextU by SEAC
ล่าสุด YourNextU by SEAC ร่วมมือกับ Simplilearn สถาบันพัฒนาทักษะดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นำหลักสูตร Simplilearn Master Certification ส่งตรงมาให้คนไทยได้เพิ่มทักษะดิจิทัล ด้วยเนื้อหามาตรฐานโลก ถ่ายทอดโดยตัวจริงในวงการ ประกอบกับรูปแบบการเรียนรู้ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาที่แท้จริงผ่านการลงมือปฏิบัติ พร้อมรูปแบบการเรียนรู้ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อทำลายข้อจำกัดของการพัฒนาทักษะดิจิทัล พิสูจน์แล้วว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าถึง 7 เท่า หลังจากผ่านหลักสูตรอันเข้มข้น ตาม 4 สายอาชีพ ทั้ง Data Analyst, Data Scientist, AI Engineer และ Digital Project Manager ผู้เรียนจะได้รับประกาศนียบัตรจาก Simplilearn และสถาบันชั้นนำอื่นๆ ที่เป็นที่ยอมรับกันในระดับสากล เพื่อเป็นใบเบิกทางและเครื่องยืนยันความสามารถไม่ว่าจะเปลี่ยนสายงาน หรืออัปสกิลเพื่อความก้าวหน้า ให้ Simplilearn Master Certification Program เป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จบนโลกการทำงานยุคดิจิทัลของคุณ
สำหรับรายละเอียดหลักสูตร Simplilearn Master Certification สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3O1zZxy
เริ่มต้นพัฒนาตัวเองให้ก้าวนำในยุค Digital Age นี้ กับหลักสูตรแรก Data Analyst Master Certification ที่จะทำให้คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ภายใน 10 สัปดาห์ ที่จะเริ่มเรียนตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2565 นี้ ลงทะเบียนได้แล้วที่ https://bit.ly/38c7Tzq