หากใครเป็นแฟนซีรีส์ของ ‘เน็ตฟลิกซ์’ (Netflix) ไม่ว่าจะเป็น Stranger Things, Peaky Blinders, Locke & Key ส่วนใหญ่จะปล่อยออกมาแบบ ‘รวดเดียว’ ต่างจากซีรีส์เกาหลีหรือผู้ให้บริการสตรีมมิ่งรายอื่น ๆ ที่จะปล่อยสัปดาห์ละ 1-2 ตอน และนี่อาจเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ Netflix ควรทำหากอยากดึงผู้ใช้ให้อยู่กับแพลตฟอร์มนานขึ้น
แม้ซีรีส์ Stranger Things ซีซั่น 4 ที่ปล่อยมาทีเดียว 7 ตอน และสามารถทำลายสถิติรายการทีวีภาษาอังกฤษที่ให้บริการซึ่งมีการรับชมเกือบ 287 ล้านชั่วโมงภายในสัปดาห์แรก แต่หากพูดถึงการดึงดูดให้ผู้ใช้อยู่กับแพลตฟอร์มนาน ๆ อาจไม่ได้ผล
หลังจากที่จำนวนผู้ใช้ Netflix ลดลงครั้งแรกในรอบ 10 ปี บริษัทก็พยายามคิดทุกวิธีเพื่อเร่งการเติบโตของสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นการปรับแพ็กเกจให้ราคาถูกลงแต่มีโฆษณา การเพิ่มเกมในแพลตฟอร์ม และแม้แต่การทำรายการถ่ายทอดสด แต่ดูเหมือนว่าวิธีการง่าย ๆ แบบเส้นผมบังภูเขาอย่างการปล่อยซีรีส์สัปดาห์ละตอนกลับไม่ได้ทำ
Robert Thompson ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Syracuse และผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมสมัยใหม่ กล่าวว่า สมัยก่อน Netflix เลือกที่จะปล่อยซีรีส์ออกมาทีเดียวทั้งซีซั่น เพื่อให้เกิดกระเเสปากต่อปากจากคนดูจนเกิดการรับรู้เป็นวงกว้าง ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจากกลยุทธ์เดิมอาจใช้ไม่ได้ในปัจจุบัน เนื่องจากตลาดสตรีมมิ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะจำนวนคู่แข่ง นอกจากนี้ ซีรีส์เก่าที่สามารถดึงดูดในผู้ใช้กลับมาดูซ้ำได้อย่าง The Office หรือ Friends ก็ไม่มีฉายแล้วบนแพลตฟอร์ม ในขณะที่ซีรีส์ใหม่ ๆ ที่ดัง ๆ อย่าง Stranger Things, Bridgerton และ The Witcher ก็ยังไม่ได้ปังในระดับเดียวกับซีรีส์เก่า
“การฉายซีรีส์สัปดาห์ละตอน เป็นการออกแบบมาเพื่อนำผู้ชมกลับมาในแพลตฟอร์ม เพื่อรอดูคอนเทนต์ที่เขากำลังตั้งตารอ แม้ Netflix จะเริ่มปล่อยทีละครึ่งซีซั่น แต่มันเป็นรูปแบบการตลาดที่แตกต่างกันมาก”
หากดูแพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง Disney +, HBO Max และ Hulu เน้นที่การฉายสัปดาห์ละตอน เพื่อทำให้ผู้ชมอยู่บนแพลตฟอร์มหลายสัปดาห์ ซึ่งหมายถึงการยกเลิกบริการที่น้อยลงในแต่ละเดือน ในขณะเดียวกัน สมาชิก Netflix สามารถรับชมซีรีส์ที่สนใจในรวดเดียวแล้วก็ยกเลิก
อย่างซีรีส์ของ Disney+ สามารถดึงดูดสมาชิกให้เข้ามาชมคอนเทนต์ใหม่ ๆ ได้ในแต่ละเดือน แถมยังกระตุ้นให้พวกเขาจ่ายค่าสมัครสมาชิกรายปีล่วงหน้าด้วย โดย Disney+ ใช้ 2 แฟรนไชส์ที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Star Wars และ Marvel เพื่อให้ผู้ชมกลับมาใช้บริการอีก
ไม่ว่าจะเป็น The Book of Boba Fett ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2021 จนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นจึงเพิ่ม Moon Knight ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งยาวไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จากนั้นในปลายเดือนพฤษภาคม ก็มีการเปิดตัว Obi-Wan Kenobi ซึ่งจะดำเนินต่อไปจนถึงปลายเดือนมิถุนายน จะเห็นว่าแพลตฟอร์มสามารถดึงดูดแฟน Star Wars และแฟน Marvel ให้ใช้บริการในระยะยาวได้
แม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มฉายครั้งละครึ่งซีซั่นก็ตาม แต่นั่นก็เกิดจากปัญหาด้านการถ่ายทำที่ได้ผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ไม่สามารถถ่ายทำจนจบได้ ก็ไม่รู้ว่าจากนี้ Netflix จะปรับเปลี่ยนการฉายซีรีส์ของตัวเองไหม แต่ในแง่คนดูแล้ว การปล่อยยาวก็ดีเพราะไม่ต้องค้างคา แต่อาจไม่ดีในแง่ธุรกิจที่ไม่สามารถยื้อให้ผู้ใช้อยู่กับแพลตฟอร์มได้นานอย่างที่ควรจะเป็น