ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนนั้นอนุญาตให้เกษตรกรที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของบริษัทสามารถนำข้าวสาลี หรือแม้แต่นำกระเทียม มาชำระแทนเงินสดได้ส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็รับซื้อทั้งข้าวสาลีและกระเทียมโดยให้ราคามากกว่าในตลาดอีกด้วย
Central China Real Estate ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้โพสต์ข้อความเชิญชวน (ปัจจุบันลบทิ้งไปแล้ว) ว่าเกษตรกรผู้ที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในเมืองชางคิว มณฑลเหอหนาน สามารถนำข้าวสาลี มาใช้แทนเงินสดได้มากถึง 160,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 844,000 แสนบาท
แต่ถ้าหากต้องการซื้อบ้านในโครงการของบริษัทที่เมืองไคเฟิง มณฑลเหอหนาน สามารถที่จะนำกระเทียมมาใช้แทนเงินสดได้ในมูลค่า 160,000 หยวน เช่นกัน
ขณะเดียวกัน Central China Real Estate ยังประกาศรับซื้อข้าวสาลีที่ราคา 4 หยวนต่อกิโลกรัม ซึ่งมากกว่าราคาที่รัฐบาลรับซื้อซึ่งอยู่ที่ราวๆ 3 ถึง 3.1 หยวนต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคากระเทียมนั้นบริษัทรับซื้อด้วยราคาถึง 10 หยวนต่อกิโลกรัม สูงกว่าราคาขายส่งที่รับซื้อกันอยู่ที่ราวๆ 7 หยวนต่อกิโลกกรัม
นอกจากนี้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก จึงอาจเป็นโอกาสที่บริษัทสามารถนำสินค้าของเกษตรกรไปขายต่อในราคาที่ดีกว่านี้ได้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนที่ต้องการดึงดูดผู้ซื้อบ้านในประเทศจีน หลังจากที่จีนได้เข้ามาจัดการกับธุรกิจกลุ่มนี้อย่างจริงจัง (แม้ว่าในปัจจุบันรัฐบาลจีนจะมีมาตรการที่ผ่อนคลายมากขึ้นแล้วก็ตาม) ส่งผลทำให้บรรดาผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้นเกิดปัญหาอสังหาริมทรัพย์ขายได้ลดลง
แต่ถ้าหากบริษัทเหล่านี้จะระดมทุน หรือแม้แต่กู้เงินจากสถาบันการเงินก็ไม่สามารถทำได้มากนัก ส่งผลทำให้บริษัทเหล่านี้ขาดเงินสดที่จะนำมาหมุนเวียนกิจการ ส่งผลทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายนี้ต้องหาแนวทางใหม่ๆ ในการหารายได้ให้กับบริษัทนั่นเอง
ที่มา – CNN